ปี 2017 ออง ลา เอ็น ซาง ทำให้ประชาชนชาวเมียนมาร์ภาคภูมิใจทั่วประเทศ เมื่อเขาสร้างชื่อเป็นชาวเมียนมาร์คนแรกที่คว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE Championship ทัวร์นาเมนต์ศิลปะการป้องกันตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระดับโลกในเอเชีย เก็บสถิติชัยชนะในรุ่นมิดเดิลเวทได้มากที่สุดของวงการ เป็นเจ้าของชัยชนะในไฟต์พิเศษ ประลองฝืมือกับนักกีฬาที่มีน้ำหนักมากกว่าตนเองในประเภท โอเพน เวท ซูเปอร์ แมตช์
และปี 2018 ยอดนักกีฬาวัย 32 ปี ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมเป้าหมายที่ หวังขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่แก่ตัวเอง เมื่อ “อสรพิษแห่งเมียนมาร์” จะขึ้นสังเวียนครั้งแรกของปี ONE: QUEST FOR GOLD เพื่อเจอกับ อเล็กซานเดร มาคาโด้ คู่ต่อกรจาก บราซิล เพื่อเข็มขัดแชมป์โลกรุ่น ไลท์ เฮฟวี่เวท ซึ่งถือเป็นคู่เอกประจำรายการ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้ ณ สนาม ธุวันนา อินดอร์ สเตเดียม เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์
ไฟต์นี้ หาก ออง ลา เอ็น ซาง ครอบครองเข็มขัดรุ่น ไลท์ เฮฟวี่เวท ได้สำเร็จตามเป้าหมาย เขาจะกลายเป็นนักกีฬาคนที่สองของรายการ One Championship ที่ได้ครองเข็มขัดแชมป์โลก 2 เส้นพร้อมกัน เช่นเดียวกับ มาร์ติน เหงียน นักกีฬาจอมแกร่งที่ครองเข็มขัดแชมป์โลก 2 เส้นได้เป็นคนแรกของรายการจากรุ่นไลท์เวท และ เฟเธอร์เวท
"การได้แชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวทคือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพของผม และตอนนี้ก็กำลังมองถึงการคว้าเข็มขัดรุ่น ไลท์ เฮฟวี่เวท อีกหนึ่งเส้น เป็นแชมป์โลก 2 เส้นในรายการที่แสนพิเศษนี้ ขณะเดียวกัน ผมมีความตั้งใจยิ่งที่จะใช้พลังของตัวเองทำให้ชาวเมียนมาร์ทั่วประเทศได้ภาคภูมิใจ และนั่นก็คือการเริ่มต้นปีด้วยชัยชนะ" ออง ลา เอ็น ซาง กล่าวอย่างมุ่งมั่น
สำหรับคู่ต่อสู้ของเขาในไฟต์นี้ อเล็กซานเดร มาคาโด้ นับว่าไม่ธรรมดา เขาคือจอมซับมิชชั่นมือฉมังคนหนึ่งของสังเวียนนี้ และมีสไตล์การต่อสู้รูปแบบ บราซิเลียน ยิวยิตสู ดีกรีสายดำ ขณะที่สถิติในลูกกรงอยู่ที่ 8-2 ไฟต์ล่าสุดที่เจอกับนักกีฬาชาวแคเมอรูน อแลง นากานี ที่มาเก๊า เจ้าตัวก็เก็บชัยชนะแบบ TKO ในการต่อสู้ยกที่ 2 เสริมสร้างความมั่นใจแก่ตนเองได้เป็นอย่างดี
ด้านของ ออง ลา เอ็น ซาง ก็ยอมรับในฝีมือของอีกฝ่าย และคิดว่าไฟต์นี้ต้องไม่ใช่งานง่ายสำหรับเขาแน่ “ผมเคยดู มาคาโด้ ลงแข่งขันมาก่อน รู้ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเขา ด้วยสไตล์การต่อสู้แบบยิวยิตสู แถมยังมีหมัดหนัก ทำให้เขาเป็นคู่แข่งที่เคี้ยวยากทีเดียว กระนั้นถึงจะเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถสูง แต่ผมก็มีความมุ่งมั่นที่จะพิชิตเขาให้จงได้ เพิ่มสถิติให้ตัวเองและสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศ”
ความสำเร็จในรายการ ONE Championship ทำให้ ออง ลา เอ็น ซาง ถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของประเทศชาติ ทุกสายตาที่ล้วนจับจ้องเขานั้นปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากการให้กำลังใจแล้วยังเป็นการสร้างความกดดันแก่ตัวเขาไม่น้อย เพราะต้องแบกรับความคาดหวังจากทุกคนในฐานะฮีโร่ของชาติ แต่เจ้าอสรพิษแห่งเมียนมาร์ ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด
"ผมมองเห็นภาพตัวเองในฐานะแชมป์โลก มองเห็น One Championship คือรายการที่จุดแสงสว่างให้แก่ผม เห็นภาพชาวเมียนมาร์ทุกคนคอยให้กำลังใจผม และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ทุกคน ส่วนไฟต์วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เป้าหมายหลักของผมคือการสร้างประวัติศาสตร์ พร้อมกับทำให้ชาวเมียนมาร์ทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยศิลปะการป้องกันตัวของผม"