ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - แฟนอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเช้าวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย เพราะจะได้รู้แล้วว่าสองสุดยอดทีมจากฝั่งตะวันออกและตะวันตก ผู้ท้าชิงประจำปีนี้ระหว่าง นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ แชมป์เก่า กับ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ใครจะได้เป็นผู้ครอบครองถ้วย ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 52 ศึกชิงดำของกีฬาอันดับ 1 แห่งสหรัฐอเมริกา ทว่าก่อนจะถึงวันนั้นอยากนำเกร็ดน่าสนใจมาโหมโรงให้แฟนๆได้รับรู้กันเล็กน้อย เพิ่มอรรถรสการเชียร์ให้ถึงแก่นกว่าเดิม
1. การเจอกันของ แพทริออตส์ กับ อีเกิลส์ หนนี้เรียกว่าเป็นการรีแมตช์ ซูเปอร์โบว์ล ฤดูกาล 2004 ก็ว่าได้ หลังเคยเจอกันมาแล้วในนัดชิงปี 2005 ที่ ออลเทล สเตเดียม แล้วปรากฏว่าเป็น “นักรบ” เฉือนชนะไปหวุดหวิด 24-21 แต้ม ส่งให้ แพทริออตส์ ได้แชมป์สมัยที่ 3 ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้แพ้อย่าง อีเกิลส์ ย่อมมองถึงการทวงแค้นในศึกครั้งนี้ที่ ยูเอส แบงค์ สเตเดียม
2. มีการพยากรณ์อากาศว่ารอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ ทั้งสองทีมอาจต้องเล่นกันท่ามกลางอากาศหนาว อุณหภูมิราว 6 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าผู้แข่งขันคงอยากดวลกันแบบอากาศปกติมากกว่า แต่โชคดีที่ ยูเอส แบงค์ สเตเดียม สังเวียนชิงชัยที่ มินเนโซต้า มีการสร้างหลังคาอัตโนมัติเอาไว้ เมื่อถึงวันแข่งจริงหากหนาวตามที่คาดการณ์ก็จะปิดหลังคาสร้างความอบอุ่นให้
3. ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์ของ นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ กำลังจะลงสนามเล่นเกม ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 8 ในการเล่นอาชีพ และถือเป็นสถิติสูงสุดของวงการแบบที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนทำได้ นอกจากนี้ยังเตรียมลุ้นแหวนแชมป์วงที่ 6 ให้แก่ตนเอง ต่อจากปี 2002, 2004-2005, 2015, 2017
4. ฟาก อีเกิลส์ ของเฮดโค้ช ดัก ปีเดอร์สัน นอกจากหวังนำลูกทีมล้างแค้นเมื่อ 13 ปีก่อน หากพวกเขาครอบครองถ้วย วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี ครั้งนี้ นั่นจะทำให้ “อินทรีมรกต” จารึกชื่อเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยแรกนับตั้งแต่ลีกเปลี่ยนชื่อเกมนัดชิงในปี 1967 (เคยได้มาแล้ว 3 สมัย ตอนยังเรียกนัดชิงว่า เอ็นเอฟแอล แชมเปียนชิป)
5. แพทริออตส์ ของ บิล บิลิชิก กำหนดเรียบร้อยว่าจะให้ผู้เล่นทุกคนสวมเสื้อสีขาวลงแข่งเพื่อลุ้นแชมป์สมัย 6 ซึ่งเป็นชุดทีมเยือนประจำฤดูกาล กระนั้นผู้บรรยายช่อง ESPN ตั้งข้อสังเกตุอาจเป็นเคล็ดก็ว่าได้เพราะมีระบุว่าการแข่งขัน ซูเปอร์โบวล์ 13 ครั้งที่ผ่านมา ทีมที่ใส่เสื้อสีขาวมักจะเป็นแชมป์อยู่บ่อยครั้ง ส่วน อีเกิลส์ ใส่สีเขียวอันเป็นสีนำโชคของพวกเขา
6. ฝั่งของ “นักรบกู้ชาติ” แน่นอนต้องส่ง ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กมากความสำเร็จลงเล่นตั้งแต่วินาทีแรก ขณะที่ “อินทรีมรกต” ก็จะเข็น นิค โฟลส์ จอมขว้างวัย 29 ปี ซึ่งออกสตาร์ท เรกูลาร์ ซีซั่น แค่ 3 เกม ลงไปปะทะกำลังแทน คาร์สัน เวนซ์ ตัวจริงที่มีอาการบาดเจ็บ แม้ประสบการณ์และฝีมือเป็นรอง ตลอดซีซั่นปาทัชดาวน์แค่ 8 ครั้ง แต่หาก อีเกิลส์ วางแผนทีมเวิร์คมาดี ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้เสมอ
7. ปีที่แล้วมีเรื่องวุ่นวายเมื่อเสื้อแข่งขอ ทอม เบรดี ถูกหัวขโมยซึ่งเป็นนักข่าวฉกไปจากห้องแต่งตัวหลังพาทีมคว้าแชมป์ ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนตามหาจนจับคนร้ายและเอาเสื้อมาคืนได้ ส่วนปีนี้ เอ็นเอฟแอล ก็มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเมืองมินเนโซต้า คอยเฝ้าระวังห้องแต่งตัวและโซนเก็บสิ่งของมีค่าเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย
8. การแสดงช่วงพักครึ่ง ฮาล์ฟ ไทม์ โชว์ หนนี้เป็นหน้าที่ของ จัสติน ทิมเบอร์เลค ป๊อปสตาร์ชื่อดังที่ได้กลับมาอีกครั้งในฐานะศิลปินหลัก แน่นอนว่าผู้ชมที่สนามและทางบ้านต่างจับจ้องเป็นพิเศษเพราะเจ้าตัวเคยตกเป็นข่าวฉาวกับช็อต “เต้าโผล่” สมัยขึ้นเวทีปี 2004 ร่วมกับ เจเน็ต แจ๊คสัน คราวนี้นักร้องหนุ่มคงรู้ตัวดีและคงไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำสองอีก ส่วนโชว์จะอลังการสู้ศิลปินปีอื่นได้หรือไม่ต้องติดตาม
เรื่องโดย - วัลลภ สวัสดี
