ส่อแววโอละพ่อ? "บิ๊กเสือ" ซัดกลับอดีตนักกรีฑาอ้างมั่วอมเครื่องราชฯ ขู่ปลดพ้น กกท.

“บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ กกท. เผย จรินทร์ เสือนางรอง อดีตนักกรีฑาเหรียญทองซีเกมส์ ไม่เคยยื่นคำร้องได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หากพบว่าต้องการสร้างความปั่นป่วนเตรียมขับพ้นตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้าน กกท. โคราช

จากกรณีที่ นางจรินทร์ เสือนางรอง อดีตนักกีฬาเหรียญทองกรีฑา ระยะ 1,500 เมตร ซีเกมส์ 2530 ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าได้ติดต่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ จากการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่ยังไม่ได้รับตามที่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 5 ธันวาคม 2530 โดยแจ้งว่าที่ผ่านมา กกท. ได้บ่ายเบี่ยงในการขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ มาโดยตลอดนั้น

ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า "กกท. ได้ทำการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ให้กับนักกีฬาทีมชาติทุกคน ที่ได้รับเหรียญทองกรีฑาซีเกมส์ ปี 2530 ทว่าไม่ได้รับการติดต่อจาก นางจรินทร์ เสือนางรอง กระทั่งเจ้าตัวได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง 1 ปี 6 เดือน ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 9 (5)"

"ซึ่งภายหลังตัวอดีตนักกีฬารายนี้มาเรียกร้องว่าไม่ได้รับหนังสือรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ จาก กกท. และแจ้งว่าทางเราทำสูญหายในช่วงปี 2530-2537 ซึ่งข้อนี้ไม่เป็นความจริง เพราะหาก กกท. ทำสูญหายจริง สามารถทำเรื่องไปยังกรมพระอาลักษณ์ ที่เป็นหน่วยงานราชเลขานุการด้านหนังสือของพระมหากษัตริย์ แต่ในเมื่อไม่มีการติดต่อกลับมา และด้วยการเปลี่ยนถ่ายคณะทำงาน ทำให้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ที่ไม่มีเจ้าของถูกส่งคืนหมดแล้ว"

นอกจากนี้ "บิ๊กเสือ" กล่าวยืนยันว่า กกท. ได้ให้ความช่วยเหลือนักกีฬารายนี้ด้วยการมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่ กกท. นครราชสีมา มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว และไม่เข้าใจถึงการกระทำของอดีตนักกีฬารายนี้ "ปัจจุบัน นางจรินทร์ ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาดอยู่ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว จึงมองว่าการนำเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเพราะต้องการเรียกร้องผลประโยชน์จาก กกท. หลังจากนี้เราจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เชิญเจ้าหน้าที่ในยุคนั้น รวมทั้งสมาคมกรีฑาฯ มาพูดคุยว่าได้มีการติดต่อจากอดีตนักกีฬาจริงหรือไม่ หากไม่มีการติดต่อเข้ามา และพบว่าเป็นการสร้างเรื่องเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน ก็จะพิจารณาให้ออกจากตำแหน่งงานใน กกท."