"มิซูโน่" จับ "ชนาธิป" เซ็นสัญญา 3 ปี มูลค่า 10 ล้านบาท นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เจ้าตัวสุดปลื้มได้เป็นพรีเซนเตอร์ ยืนยันพร้อมอยู่ "คอนซาโดเล่" ต่อไป ไม่สนเปลี่ยนกุนซือ ลั่น ขอสู้ตายแย่งตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ให้ได้
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2560 ที่สวนน้ำลอยฟ้า ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ "มิซูโน่" บริษัทเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น จัดงานแถลงข่าวเซ็นสัญญา "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ทีมชาติไทย สังกัดสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ซึ่งครั้งนี้ "มิซูโน่" ทุ่มเงินมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 ปี กับแข้งทีมชาติไทยรายนี้เพื่อเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยสื่อมวลชน และแฟนคลับของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มารอต้อนรับเจ้าตัวอย่างเนืองแน่น โดยมีนายคิโยชิ ทาตานิ ประธานบริษัทมิซูโน่ สิงโปร์ เป็นประธานในงานแถลงข่าว พร้อม นายพิสุทธิ์ บุนนาค ผช.ผอ.ฝ่ายมิซูโน่ บ.ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) พร้อมกับพระเอกของงาน อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์
นอกจากเป็นงานแถลงข่าวเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอสบาสเดอร์ให้ มิซูโน่ ของชนาธิป สรงกระสินธ์ แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวรองเท้าสตั๊ดที่ "เจ" สวมใส่ลงทำการแข่งขันฟุตบอลเจลีกมาแล้ว 3 นัด ในฤดูกาลที่ผ่านมา ได้แก่ รุ่นเรบิวลา วี วัน ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการคอนโทรลลูกฟุตบอล ทำจากคอนโทรลโฟม และเมมโมรี่โฟม เพิ่มประสิทธิภาพในการสัมผัสบอล และดี-เฟล็ค กรูฟ บริเวณพื้นรองเท้าที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวทุกทิศทางในสนาม
คิโยชิ ทาตานิ กล่าวว่า "มิซูโน่ เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ต้องการก้าวไปเป็นสุดยอดนักเตะในอนาคต เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนที่ต้องการก้าวไปสู่การเป็นสุดยอดนักเตะเหมือนกัน จึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ชนาธิป เพื่อมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ มิซูโน่ และหวังว่าเจ้าตัวจะพัฒนาฝีเท้าของตัวเองต่อไปให้กลายเป็นสุดยอดนักเตะให้ได้"
ด้าน ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะดีกรีทีมชาติไทย กล่าวว่า "ตนสวมใส่รองเท้ามิซูโน่ มาตั้งแต่เด็ก มิซูโน่ถือเป็นรองเท้าคู่แรกที่คุณพ่อซื้อให้ และได้ใส่ลงแข่งขันฟุตบอลอย่างเป็นทางการ ตอนนั้นบ้านผมยังไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อผมลงทุนซื้อสตั๊ดมิซูโน่มาให้ แล้วก็เป็นแค่รุ่นรองไม่ใช่ตัวท็อปด้วย ผมใส่เล่นจนมันขาดแล้วขาดอีก"
"ผมก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ของมิซูโน่ที่เห็นความสำคัญในตัวผม เลือกผมให้เป็นหนึ่งในครอบครัวของพวกเขา ถ้าใครชื่นชอบในตัวผม หรือรองเท้าที่ผมใส่ อยากให้ทุกคนเลือกรองเท้ารุ่นเดียวกับผม นับจากนี้ไปเราจะเดินไปด้วยกัน ตอนนี้เหมือนเป็นแค่จุดเริ่มต้นในอาชีพการค้าแข้งของผม ผมยังไม่มองว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ ผมอยากจะไปให้ได้ไกลกว่านี้ แล้วเมื่อไหร่ที่ผมประสบความสำเร็จมากกกว่านี้ แล้ววันที่ผมเลิกเล่น ทุกๆคนก็คงเรียกผมว่าซูเปอร์สตาร์ได้อย่างเต็มปาก"
"ส่วนเป้าหมายในปีหน้า ผมก็คงอยู่กับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต่อไป ฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม ผมตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้ไปเล่นลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ที่นั่นทุกคนให้เกียรติผมมาก อย่างที่บอกมันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ผมอยากเก่งขึ้นอีก เก่งให้มากกว่านี้ ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเล่นฟุตบอลลีกต่างประเทศ ผมทำมันสำเร็จแล้วในก้าวแรก" ชนาธิป กล่าวถึงรองเท้ามิซูโน่ และอนาคตของตัวเองในปีต่อๆไป
โดยฤดูกาลหน้า คอนซาโดเล่ ซัปโปโร มีการเปลี่ยนกุนซือ ซึ่งชูเฮ โยโมดะ เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น ถูกลดตำแหน่งลงมาเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และทำการแต่งตั้ง มิไฮโล เปโตรวิช ตำนานกุนซือชาวเซิร์บ ผู้ผ่านประสบการณ์ในเวทีเจลีกมาอย่างโชกโชนถึง 11 ฤดูกาล กับ ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า และอูราวะ เรด ไดมอนส์ นั่งแท่นตำแหน่งเฮดโค้ชของทีม
ชนาธิป สรงกระสินธ์ กล่าวถึงกุนซือคนใหม่ และอนาคตของตัวเองในฤดูกาลหน้า ว่า "ก็ในปีหน้าทีมของผมมีการเปลี่ยนแปลง ผมมองว่าอะไรที่เป็นเรื่องดีผมก็ดีใจและเห็นด้วยกับทีม เรื่องตำแหน่งตัวจริงผมไม่กังวล เพราะกุนซือทุกคนเมื่อเข้ามาใหม่เขาต้องดูฟอร์มผู้เล่นทุกคนอยู่แล้ว ผมก็เชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีพอที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงต่อไปให้ได้"
"ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นเหมือนกันนะ เพราะฤดูกาลที่ผ่านมาบางแมตช์ผมอาจจะได้เล่นในตำแหน่งที่ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่ผมก็พร้อมเล่นในทุกๆที่ที่โค้ชสั่งให้เล่นอยู่แล้ว ผมพร้อมแข่งขันและแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงเอาไว้เหมือนเดิมให้ได้" ดาวเตะร่างจิ๋วทีมชาติไทย กล่าวทิ้งท้าย