ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้แสลม เริ่มต้นการวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ กับระยะทาง 2,191 กิโลเมตร (1,361 ไมล์) เป็นเวลา 55 วัน จากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ทางตอนใต้ของประเทศ ไปจนถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายทางภาคเหนือ
การวิ่งครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรรอเขาอยู่ที่เส้นชัย อีกทั้งไม่ได้วิ่งเพื่อตนเอง ซึ่งเป้าหมายของ พี่ตูน ก็คือระดมทุนครั้งใหญ่ มูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 700ราว ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่งในประเทศไทย ถ้าคนไทยช่วยกันบริจาคเพียงคนละ 10 บาท (ราว 30 เซ็นต์สหรัฐ) เป้าหมายนี้ก็จะบรรลุได้ภายใน 25 ธันวาคมที่ถือเป็นวันสิ้นสุดการวิ่ง
สิ่งที่น่าสนใจไปกว่าเส้นทางการวิ่งและเป้าหมายการระดมทุนก็คือความจริงที่ว่า นักร้องขาร็อคขวัญใจวัยรุ่น ไม่ใช่นักวิ่งมืออาชีพ เป็นเพียงแค่เผู้หลงใหลในการวิ่งและสิ่งนี้เองที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจออกเดินทางครั้งสำคัญในครั้งนี้
ดังนั้นเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายครั้งนี้ ไนกี้ มองถึงการช่วยเสริมศักยภาพรวมถึงลดการบาดเจ็บระหว่างการวิ่งจึงได้เชิญ พี่ตูน ไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ ณ เมืองเบเวอร์ตัน รัฐโอรีกอน โดยได้พบกับผู้เชี่ยวชาญและทีมงาน Breaking2 ของ Nike Sports Research Lab (NSRL) เพื่อมองหาวิธีที่จะช่วยให้วิ่งได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้พบกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องรองเท้าและเสื้อผ้า อีกทั้งทางทีมงานได้วิเคราะห์ร่างกายเพื่อทำความเข้าใจความเร็วในการวิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณน้ำและแคลอรี่ที่ต้องการ การพักฟื้น รวมถึงรองเท้าและเสื้อผ้าที่จะมาช่วยเขาตลอดการเดินทางครั้งนี้
สรุปสิ่งที่ทีมงานได้ค้นพบก็คือ
1.ผู้เชี่ยวชาญด้านรองเท้าของไนกี้แนะนำให้สลับใช้รองเท้าทั้งหมด 5 คู่ ไม่ว่าจะเป็น Nike Zoom Fly หรือ Nike Zoom Vaporfly 4% ตลอดการวิ่ง 55 วัน
2.หลังจากจำลองสภาพอากาศของประเทศไทยที่ NSRL แล้ว (ต้องทดลองวิ่งด้วยอัตราที่กำหนดและใส่เสื้อผ้าที่คาดว่าจะใช้ในการวิ่งจริง) นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างแผนเพื่อกำหนดว่าควรจะดื่มน้ำเมื่อไหร่ ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
3.การที่จะวิ่งได้วันละ 50 กิโลเมตร ต่อเนื่องเป็นเวลา 55 วันนั้นต้องใช้พลังงานสูงมากและร่างกายต้องทำงานหนัก นักวิทยาศาสตร์จึงได้แนะนำว่าควรรับประทานอาหารประเภทใดระหว่างการวิ่งต่อเนื่องครั้งนี้ (แนะนำว่าให้รับประทานข้าวอบกรอบรสน้ำผึ้งและแยมโรลชิ้นเล็ก เป็นต้น)
4.นอกจากนี้ยังได้มอบชุดเซ็นเซอร์เพื่อใส่ระหว่างการวิ่ง เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายในทุก ๆ ก้าว ทุกการตอบสนอง และจะนำมาวิเคราะห์กับตูนทุกๆ 2-3 สัปดาห์
ก่อนที่ พี่ตูน จะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อทำภารกิจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ทีมงาน ไนกี้ ได้เซอร์ไพรส์เขาด้วยรองเท้า Nike Air Max 1 ซึ่งเจ้าตัวชอบรองเท้ารุ่นนี้มาก พร้อมกันนี้ยังมีลายเซ็นของ ทิงเกอร์ แฮ็ทฟิลด์ (Tinker Hatfield) ดีไซเนอร์ในตำนานของ ไนกี้ ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้าไนกี้ชื่อดังหลายๆ รุ่น กำกับเอาไว้ด้วย
พรรณี ศานติวิวัฒน์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ไนกี้ ประเทศไทย กล่าวว่า เรามีความยินดีที่ได้สนับสนุนตูนในภารกิจครั้งสำคัญครั้งนี้เพื่อแสดงให้คนไทยได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของการวิ่ง ทั้งต่อตัวผู้วิ่งและต่อสังคม การกระทำของตูนสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก เขาแสดงให้เห็นว่ากีฬาสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง”
นอกจากนี้ ไนกี้ ยังได้เชิญทุกคนเข้าร่วมวิ่ง 10 กิโลเมตรสุดท้ายไปกับ พี่ตูน ในวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ ณ จังหวัดเชียงราย แต่ถ้าใครอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จไปพร้อมกับทีมไนกี้ได้ในกิจกรรม Nike Run Club ในเวลาเดียวกันกับที่ปิดท้ายการวิ่งที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
