ลูอิส แฮมิลตัน นักซิ่งสังกัด เมอร์เซเดส เอเอ็มจี เก็บอาการไม่อยู่ ยอมรับถือเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิต หากถูกพิจารณาติดยศอัศวิน หลังปิดจ๊อบคว้าแชมป์โลกศึก ฟอร์มูลา วัน สมัย 4 รายการ "เม็กซิกัน กรังปรีซ์" ที่ประเทศเม็กซิโก วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา
แฮมิลตัน วัย 32 ปี การันตีอันดับ 1 ตารางคะแนนสะสม ประเภทบุคคล ที่สนาม ออโตโดรโม เฮร์มานอส โรดริเกวซ เอาตัวรอดวิกฤติถูกชนล้อหลังขวาแฟบ หล่นกลุ่มท้ายแถว เหยียบมิดไมล์เข้าเส้นชัยอันดับ 9 ทิ้งห่าง เซบาสเตียน เวทเทล คู่ปรับค่าย เฟอร์รารี 56 แต้ม เหลือ 2 เรซ (50 คะแนนเต็ม) กลายเป็นนักแข่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ สหราชอาณาจักร
ชัยชนะของ อดีตนักขับแม็คลาเรน นำไปสู่กระแสร่ำลือกันว่า อาจติดโผติดยศอัศวิน หลังเคยได้รับอิสริยาภรณ์ "เอ็มบีอี (MBE)" เมื่อปี 2009 "ผมคิดถึง ราชินี เหลือเกิน ตั้งแต่ผมรับประทานอาหารกลางวันกับพระองค์ ตอนที่ผมได้รับเชิญสู่พระราชวังบัคกิงแฮม ผมพยายามทำหน้าที่เพื่อประเทศอังกฤษอย่างสุดความสามารถ และหากสิ่งนั้นทำให้ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ก็คงจะวิเศษมาก"
เซอร์ แจ็คกี สจวร์ต อดีตนักขับชาวบริติช ครองแชมป์โลก สมัย 3 ตลอดอาชีพ เมื่อปี 1973 และถูกคัดเลือกติดยศอัศวิน ปี 2001 อย่างไรก็ตามยังมีนักกีฬาที่ยังไม่รีไทร์ ได้รับการเสนอชื่อ ช่วงเริ่มต้นคริสตศักราช 2017 ได้แก่ แอนดี เมอร์เรย์ อดีตนักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลก และ โม ฟาราห์ ปอดเหล็กดีกรี 4 เหรียญทอง โอลิมปิก
"ผมอาจจะบังคับเพื่อนๆ รวมถึงทุกคน ทำนองว่า ขอโทษนะ นี่คือ เซอร์ ลูอิส ผมมีเพื่อนๆ หลายคนที่ได้รับพระราชทานยศท่านเซอร์ และผมก็เรียกเขาท่านเซอร์ มันสำคัญมาก ทำไมผมจะไม่ยินดีล่ะ" เจ้าของรถหมายเลข 44 ทิ้งท้าย