ผู้จัดการรายวัน 360 - ภายหลังการเปิดตัวบนเวที ONE Championship ปี 2016 ด้วยชัยชนะหนือคู่ต่อสู้จากเมียนมาร์อย่าง Ye Thway Ne ด้วยเพลงหมัดอันร้อนแรง จนเป็นที่รู้จักของคนดู วันนี้ พงษ์ศิริ มิตรสาธิต นักสู้หนุ่มจากเมืองไทย พร้อมแล้วที่จะแสดงฝีมืออีกครั้งเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นนักสู้แถวหน้าของวงการ มาร์เชียล อาร์ต ระดับโลก ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 กับรายการ ONE: HERO’S DREAM ณ ประเทศเมียนมาร์
พงษ์ศิริ มิตรสาธิต คือนักสู้ฝีมือดีจากเมืองไทย เขาผ่านสังเวียนลูกกรงมาแล้วมากมาย รวมถึงรายการ ONE: WARRIOR KINGDOM ที่เขาได้แสดงฝีมืออีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2017 และเก็บชัยชนะได้อย่างเด็ดขาดจากการน็อค Rabin “The Rock” Catalan แชมป์ยิวยิตสูจาก ฟิลิปปินส์ เพียงแค่ยกแรก ส่งให้เขาคว้าชัยชนะบนเวที ONE 2 ไฟต์ติดต่อกัน และไร้พ่ายจนถึงวันนี้
รายการ ONE: HERO’S DREAM ที่สนาม ธุวันนา อินดอร์ สเตเดียม เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ วันที่ 3 พฤศจิกายน พงษ์ศิริ จะได้พบกับความท้าทายครั้งสำคัญเมื่อการต่อสู้ครั้งที่ 3 บนเวทีนี้ เขาจะได้พบกับ Jeremy “The Jaguar” Miado นักสู้ฝีมือดีจากฟิลิปปินส์ และคงไม่มีอะไรที่นักสู้ชาวไทยอยากได้ไปกว่าการคว้าชัยชนะ 3 ไฟต์ติด
นักสู้วัย 21 ปีจากเชียงใหม่ ได้รับการปลุกปั้นจากทีมงานของ Team Quest Thailand ภายใต้การดูแลของ Dylan Fussell นักสู้มากประสบการณ์ของวงการศิลปะป้องกันตัว โดยสถิติที่ผ่านมา “เจ้าเปี๊ยก” ลงแข่ง MMA รายการต่างๆมาทั้งสิ้น 8 ไฟต์ ชนะรวดทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มพูนความมั่นใจให้แก่เจ้าตัวเป็นอย่างยิ่ง และตอนนี้เขาก็พร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับเหยื่อรายต่อไป
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักสู้ที่น่าจับตามองของวงการศิลปะป้องกันตัวระดับเอเชีย ผมพร้อมแล้วที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นในวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้ ก่อนลงแข่งผมฝึกซ้อมหนักมาก ซึ่งเป้าหมายของผมนอกจากชัยชนะก็คือการก้าวขึ้นเป็นนักสู้ที่ดีที่สุดของวงการนี้ในเมืองไทย และไม่เพียงแค่นั้น ผมอยากให้ตนเองเป็นที่จดจำของวงการกีฬานี้ด้วย”
ถึงจะเป็นนักสู้ระดับอาชีพแล้ว แต่ “เจ้าเปี๊ยก” พงษ์ศิริ ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เขาเล่าว่าทุกครั้งก่อนลงแข่งมักจะสรรหารูปแบบการต่อสู้ใหม่ๆเพื่อเพิ่มพูนทักษะให้หลากหลายยิ่งขึ้น “ผมยังเด็กและกระหายจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ เพราะอยากที่จะพัฒนาฝีมือ ผมฝึกซ้อมกับทีมงานทุกวันอย่างเต็มที่ ซึ่งมีเป้าหมายคือการพัฒนารูปแบบการต่อสู้ โดยเฉพาะการสู้บนภาคพื้นที่เน้นเป็นพิเศษ ยกสถานะตัวเองให้เป็นนักสู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของวงการ”
ด้านฝั่งของ Miado เขาคือนักสู้ฝีมือฉกาจที่สั่งสมประสบการณ์บนเวทีลูกกรงมาแล้วมากมาย สถิติบนสังเวียนนี้ของเขาคือ 6-1 แม้ว่าไฟต์ล่าสุดเขาจะพ่ายแพ้ต่อ Rabin Catalan เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาก็พร้อมจะกลับมาสู้เพื่อทวงชัยชนะกลับคืน ชนิดที่ พงษ์ศิริ ก็ยอมรับว่า Miado เป็นคนที่เขาจะประมาทไม่ได้
พงษ์ศิริ พูดก่อนขึ้นเวทีว่า “ผมต้องระวังตัวพอสมควรในการเจอกับเขา แต่กระนั้นก็พร้อมมอบอาวุธที่มีทั้งหมัดและขาให้เขาได้ชิม แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากจะสู้บนพื้นผมก็ไม่มีปัญหา Miado คือนักสู้ที่มีสถิติยอดเยี่ยม แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างผมกับเขาจะเป็นอีกหนึ่งไฟต์ที่น่าจดจำของค่ำคืนนั้น ผมให้ความนับถือเขา แต่ก็อยากเอาชนะเขาด้วยเช่นกัน เพื่อความฝันที่จะเป็นแชมป์โลกในรายการนี้ และเอาเงินรางวัลที่ได้ไปจุนเจือครอบครัว”
ชีวิตของ พงษ์ศิริ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่เด็ก เขาต้องดิ้นรนทำงานตั้งแต่เด็กเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว และเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นในแต่ละวันด้วยการชกมวยหาเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเขาและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเงินรางวัลที่ได้จากการต่อสู้ แม้จะต้องแลกกับความเจ็บปวดที่คู่ต่อสู้ประเคนให้ แต่นั่นคือสิ่งที่นักสู้ชาวไทย ยินดีเอาตัวเข้าแลกเพื่อครอบครัว และความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการเป็นเจ้าของเข็มขัดรุ่นสตรอว์เวทของ ONE ซึ่งตอนนี้ Yoshitaka Naito เป็นผู้ครอบครองอยู่
“ประสบการณ์ในวัยเด็กสอนอะไรผมมากมาย สิ่งที่ผมได้ก็คือการเตือนตัวเองเสมอว่าต้องไม่หยุดเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองในฐานะนักสู้ของวงการ มาร์เชียล อาร์ต รวมถึงการใช้ชีวิตนอกสนาม ส่วนการต่อสู้ครั้งต่อไป ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะแสดงความสามารถให้แฟนมวยที่ย่างกุ้งได้เห็น มันคือชีวิตของผม ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ผมได้เข้าใกล้ความฝันขึ้นไปอีกขั้น นั่นคือการเป็นแชมป์โลกรุ่นสตรอว์เวทของ ONE Championship และผมจะทำฝันให้เป็นจริงให้ได้” ยอดนักสู้ฉายา “นักฆ่าหน้าเปื้อนยิ้ม” ทิ้งท้าย