ไมเคิล จอร์แดน เจ้าของทีม ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ ไม่สบอารมณ์ศึก บาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) พลิกผันสู่ยุค "ซูเปอร์ ทีม" เปรียบเปรยแฟรนไชส์ที่เหลือ ยกเว้น โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส เสมือนไม้ประดับ
วอร์ริเออร์ส สัมผัสโทรฟี "แลร์รี โอ'ไบรอัน" 2 จาก 3 ปีล่าสุด ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการปะทะ คาวาเลียร์ส ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เกิดเครื่องหมายคำถามถึงสมดุลด้านการแข่งขันของลีก
ทีมของ สตีฟ เคอร์ กับ ไทรอนน์ ลู ได้รับการคาดหมายว่า จะเป็นแชมป์สายตะวันตก และ ตะวันออก ตามลำดับ แบบไร้ปัญหา โดยอัตราต่อ-รองป้องกันตำแหน่งของ "นักรบ" อยู่ที่ 5-12 (แทง 12 จ่าย 5) และ "แคฟส์" ถูกจัดเป็นเต็ง 2 แชมป์ NBA ราคา 4-1 (แทง 1 จ่าย 4)
อย่างไรก็ตาม คู่ปรับยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เพียง 2 ทีมที่มีซูเปอร์สตาร์เป็นแกนหลัก โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ เสริม พอล จอร์จ กับ คาร์เมโล แอนโธนี ประสานงาน รัสเซลล์ เวสต์บรูก หรือ ฮูสตัน ร็อคเก็ตส์ มี คริส พอล กับ เจมส์ ฮาร์เดน และ บอสตัน เซลติกส์ มี คายรี เออร์วิง , กอร์ดอน เฮย์เวิร์ด และ แอล ฮอร์ฟอร์ด
"เอ็มเจ" ก็เป็นหนึ่งในขุนพล ชิคาโก บูลล์ส สมัยยังเป็นโคตรทีม ชนะสูงสุด 72 จาก 82 เกม ช่วงเรกูลาร์ ซีซัน ก้าวไปสู่แชมป์ ซึ่งโดน วอร์ริเออร์ส ทำลายสถิติเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี 2016 (ชนะ 73 แพ้ 9)
เจ้าของแหวนแชมป์ 6 สมัย กล่าว "ผมคิดว่ามันเกิดผลกระทบแง่ลบต่อลีก หากพิจารณาจุดยืนด้านการแข่งขัน คุณมีแค่ 1-2 ทีมที่แข็งแกร่งสุดๆ และอีก 28 ทีมที่เหลือ อาจกลายเป็นขยะ หรือพวกเขาจะต้องดิ้นรนหนัก เพื่ออยู่รอดในแง่ของธุรกิจ"
ไม่น่าแปลกใจหาก จอร์แดน วัย 54 ปี ที่กังวลถึงการขับเคี่ยวอย่างดุเดือด ในฐานะผู้บริหารแฟรนไชส์ เนื่องจาก ฮอร์เน็ตส์ ทะลุถึงเพลย์ออฟเพียง 2 ครั้ง ตั้งแต่ฤดูกาล 2000-01