เวลานี้ได้ 17 ชาติ คว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย กลางปี 2018 เรียบร้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ชาติตนเองด้วยการไปปรากฏตัวครั้งแรก
ซึ่งชาติที่กำลังจะกล่าวถึง ก็คือ ไอซ์แลนด์ ที่เมื่อปี 2016 ก็ไปเล่นยูโรเป็นครั้งแรก พร้อมรีดผลงานสุดเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนที่จะแพ้ฝรั่งเศส 2-5 ส่วนการไปเตะฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปอย่างสมศักดิ์ศรี คือ คว้าแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือกโซนยุโรปด้วยการมี 22 แต้มจาก 10 นัดส่งโครเอเชีย ที่มี 20 แต้ม ต้องไปลุ้นเพลย์ออฟอีกเฮือก
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ฟลุ๊ก เพราะมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจากลีกในประเทศที่ไม่ได้รับการยอมรับระดับยุโรป ทำให้นักเตะบางคนต้องหาอาชีพเสริมเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและครอบครัวไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ ช่างไฟ ไปจนถึงอาชีพอย่างหมอฟัน
กระนั้นก็ตาม หลังจากไปสร้างชื่อในยูโรที่รอบแบ่งกลุ่มไม่แพ้ใครชนะออสเตรีย 2-1 พร้อมเสมอโปรตุเกส กับ ฮังการี สกอร์เดียวกัน 1-1 ก่อนที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจะล้มอังกฤษ 2-1 นักเตะก็เริ่มได้รับการจับตามองถูกดึงไปค้าแข้งให้สโมสรดังของยุโรปมากมาย
แข้งซุปตาร์ก็คือ อารอน กุนนาร์สสัน กองกลางกัปตันทีมที่เล่นให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, เบียร์เคียร์ บียาร์นาสัน เล่นให้ แอสตัน วิลล่า เอมิล ฮัลเฟรออสสัน เล่นให้ อูดิเนเซ่ และ กิลฟี่ ซิกูร์สสัน เล่นให้ เอฟเวอร์ตัน เห็นอย่างนี้แล้วถือเป็นทีมที่มีจุดเด่นที่แผงมิดฟิลด์ ดังนั้น เรามักจะเห็น ไฮเมียร์ ฮัลล์กริมส์สัน กุนซือเล่นในระบบห้องเครื่อง 5 คน ที่สร้างความลำบากใจให้คู่ต่อสู้
ไอซ์แลนด์ยังกลายเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดเพียง 335,000 คน ที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก ทำลายสถิติของตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ที่ทำไว้ 13.7 ล้านคน เมื่อปี 2006
ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เมืองหลวง คือ เรคยาวิก พื้นที่บนเกาะเต็มไปด้วยภูเขาไฟ ภูเขา และเนินขา รวมถึงธารน้ำแข็ง แต่สิ่งที่เรารู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้ก็คือเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ “แสงเหนือ”