คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ขึ้นปราศรัยที่เมืองฮันส์วิลล์ มลรัฐอลาบามา ยกกรณีผู้เล่นไม่เคารพเพลงชาติ จี้ โรเจอร์ กูเดลล์ ประธาน อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล หามาตรการลงดาบ นักกีฬาซึ่งไม่ให้เกียรติต่อธง “สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส” จึงเกิดการตอบโต้ของแฟรนไชส์ทั้ง 32 เมื่อวันที่ 24 กันยายน ตามวัน-เวลาท้องถิ่น
อดีตเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกอาการไม่สบอารมณ์ เกี่ยวกับการประท้วงด้วยวิธีคุกเข่า ระหว่างพิธีเคารพเพลงชาติ รณรงค์ต่อต้านวัฒนธรรมเหยียดสีผิว โพสต์ข้อความทาง “ทวิตเตอร์” สื่อสังคมออนไลน์ เรียกร้อง กูเดลล์ ต้องใช้อำนาจสั่งผู้เล่นลุกขึ้นยืน หากไม่ทำตามก็ต้องแบน หรือไล่ออก รวมถึงกล่าว “คุณคงไม่ชอบที่เห็นใครไม่เคารพธงของเรา แค่อยากจะบอกว่า จับ ไอ้พวกเหี้-นี่ ออกจากสนามไปซะ เขาถูกไล่ออก!! ไล่ออก!!”
บรรยากาศคิก-ออฟสัปดาห์ที่ 3 ของฤดูกาลปกติ เกิดผู้เล่นแทบทุกแฟรนไชส์ คล้องแขนแสดงความสามัคคี คุกเข่าฟังเพลงชาติ หรือนั่งเฉยตรงซุ้มตัวสำรอง และอีกหลายทีมตอบโต้ด้วยวิธีการแตกต่าง อาทิ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส กับ เทนเนสซี ไตตันส์ เก็บตัวภายใน ล็อคเกอร์ รูม หรือ ซีแอตเทิล ซีฮอว์กส ประกาศจะไม่ร่วมพิธีก่อนเกม ขณะที่ฝั่ง เจ้าของทีมหลายแห่ง คลอดแถลงการณ์ประณามคำปราศรัยของ ทรัมป์
การประท้วงด้วยการคุกเข่าเริ่มจาก โคลิน เคเปอร์นิก ควอเตอร์แบ็ก ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่แบบใช้ความรุนแรงเกินเหตุ ต่อคนผิวสีถึงขั้นเด็ดชีวิตเหมือนผักปลา ทำให้มีเพื่อนร่วมสังกัด และอาชีพบางส่วนคล้อยตาม เกิดการถกเถียงกันทั่วสังคม ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
โดย ทรัมป์ และทีมงาน พาดพิงถึง ผลผลิตจากมหาวิทยาลัย เนวาดา ผู้ริเริ่มการคุกเข่าประท้วง “เศรษฐีผิวดำที่ไม่เคารพธงชาติ หรือประเทศซึ่งทำให้เขามีฐานะร่ำรวยขึ้นมา ก็ไม่ควรเรียกร้องบางอย่างที่ไม่มีผลกระทบต่อพวกเขา”
กระแสทำท่าจะเงียบกริบ หลัง เคเปอร์นิก วัย 29 ปี แยกทางกับ โฟร์ตีไนเนอร์ส เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทว่าก็เกิดเหตุจุดชนวน คือ การปะทะของ กลุ่มชาตินิยมผิวขาว กับ กลุ่มต่อต้านเหยียดผิว ที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ มลรัฐเวอร์จิเนีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ช่วงพรีซีซัน NFL เดือนสิงหาคม จูงใจ นักกีฬาผิวสี แสดงจุดยืนต่อเนื่อง อาทิ ไมเคิล เบนเน็ตต์ ดีเฟนซีฟ ไลน์แมน ซีฮอว์ก เคยให้สัมภาษณ์อาจจะไม่ยอมยืนอย่างน้อยจนกว่าจะดวลกันครบ 17 สัปดาห์
เหตการณ์พร้อมใจกันต่อต้าน ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า NFL ประกอบด้วยผู้เล่นผิวสีเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ พอถูก ประมุขวัย 71 ปี เปล่งวาจาสะกิดใจดำ จึงเกิดเป็นการแสดงพฤติกรรมเชิงท้าทายอำนาจ หรือประชดประชันเสียมากกว่าต่อต้านผู้นำประเทศโดยตรง
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังอาละวาดลุกลามถึง NBA ซึ่งมีผู้เล่นผิวสีมากกว่า 74 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เล่นงานแบบเจาะจงไปยัง สตีเฟน เคอร์รี การ์ดจ่าย โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ไม่ยอมรับเกียรติสูงสุดของแชมเปียน ทวีตไม่ต้อนรับ จอมแม่นวัย 28 ปี และผองเพื่อน เยือนทำเนียบขาว ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ฉลองแชมป์ฤดูกาล 2016-17 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 ซึ่งตรงกับโปรแกรมเยือน วอชิงตัน วิซาร์ดส
เหตุดังกล่าว บ่งชี้ว่า ทรัมป์ ดูใจคอคับแคบ ที่ไม่ยอมรับคนคิดต่าง เนื่องจาก เคอร์รี กับ เลอบรอน เจมส์ 2 ซูเปอร์สตาร์ของ NBA เคยแสดงจุดยืนชัดเจนว่า สนับสนุน ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครพรรค เดโมแครต รับหน้าที่ประมุขหญิง เมื่อปี 2016
หวนนึกถึงสมัย ทรัมป์ หาเสียง ก็มีนโยบายแปลกๆ อาทิ สร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก , กีดกันผู้อพยพ หรือต่อต้านนักเดินทางย่านตะวันออกกลาง หรือประเทศมุสลิม เหยียบแดนมะกัน น่าจะเป็นหลักฐานชัดเจนว่า มหาเศรษฐีปากพล่อยรายนี้ ก็มีแนวคิดเหยียดสีผิว และเชื้อชาติ ซึ่งอาจชักนำสู่ความขัดแย้งเช่นกัน
ส่วนกรณีคุกเข่าประท้วงเช่นนี้ดูท่าแล้วน่าจะยืดเยื้อจึงต้องมาจับตาดูว่าจะมีบทสรุปเช่นใดหรือลากยาวไปจนกระทั่งจบฤดูกาล เพราะดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครยอมใคร
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *