เอเยนซี - ฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทด้วยฟอร์มน่ากลัวภายใต้แนวรุกครบเครื่อง นำโดย โรเมลู ลูกากู, มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อองโตนีย์ มาร์กซิอาล อีกทั้งมกราคมนี้ยังจะได้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เข้ามาสมทบ ดังนั้น "เดลี เมล" สื่ออังกฤษ จึงลองเทียบขุมกำลังแนวรุก "ผีแดง" ยุคต่อยุคตั้งแต่สถาปนา พรีเมียร์ ลีก ว่าใครเจ๋งที่สุด
1992-1994 คันโตน่า / ฮิวจ์ส / แม็คแคร์ : 7.5/10
ย้อนไปช่วงต้นสถาปนา พรีเมียร์ ลีก ภายใต้การคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่นำ แมนฯยู คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 ครั้งซ้อนฤดูกาล 1992-93 กับ 1993-94 หนนั้นกองหน้าตัวเป้าคือ มาร์ค ฮิวจ์ส ซัดไป 15 กับ 12 ประตูตามลำดับ โดยมีตัวสนับสนุนอย่าง ไบรอัน แม็คแคลร์ รวมถึง เอริก คันโคน่า ที่ถูกซื้อมาจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1992 จนเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างในแดนหน้า ซึ่ง "ก็องโต้" ยิง 9 ประตูใน พรีเมียร์ ลีก ปีแรก ตามด้วย 25 ประตูรวมทุกรายการในปีถัดมาที่ "ผีแดง" ได้ดับเบิลแชมป์รวม เอฟเอ คัพ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดยุคทองถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างแท้จริง
1998-1999 ยอร์ก / โคล / เชอริงแฮม / โซลชา : 9.5/10
ถือเป็นฤดูกาลที่จะอยู่ในความทรงจำสาวก "เรด เดวิลส์" ตลอดไปกับผลงานสุดเหลือเชื่อคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แอนดี้ โคล ที่ย้ายจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อต้นปี 1995 มาถึงซีซัน 1998-99 ยิง 24 ประตูรวมทุกรายการ จับคู่กับ ดไวท์ ยอร์ก ที่โยกจาก แอสตัน วิลลา เป็นหัวหอกนิลกาฬ โดยรายหลังยิง 29 ประตูรวมทุกรายการตั้งแต่ปีแรก เติมเต็มด้วยประสบการณ์ของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม กับตัวสำรองอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ยิง 18 ประตูรวมทุกรายการ รวมลูกยิงปาฎิหาริย์ทดเจ็บพลิกชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1 ในนัดชิงถ้วยยุโรป
2002-2004 ฟาน นิสเตลรอย / โซลชา / ฟอร์ลัน / ซาฮา : 7/10
เด่นสุดหนีไม่พ้น รุด ฟาน นิสเตลรอย เครื่องจักรถล่มประตู made in netherlands ที่ย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เมื่อปี 2001 จนผุดสถิติยิง 150 ประตูจากการลงเล่น 219 นัด ฤดูกาล 2002-03 เรียกได้ว่าพีคสุดขีด เพราะยิง 44 ประตูรวมทุกรายการตามด้วย 30 ประตูในปีถัดมา นอกจากนี้ยังมี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เติมให้อีก เช่นเดียวกับ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน กับ หลุยส์ ซาฮา กระนั้นก็ตาม แมนฯยู ได้แค่แชมป์ พรีเมียร์ ลีก กับ เอฟเอ คัพ เท่านั้นใน 2 ซีซันที่กล่าวมา
2007-2009 รูนีย์ / โรนัลโด / เตเบซ / เบอร์บาตอฟ : 9/10
กุญแจของความสำเร็จยุคนี้หนีไม่พ้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิง 42 ประตูรวมทุกรายการ จนได้แชมป์ พรีเมียร์ ลีก กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่ปีถัดมาจะยิง 26 ประตูรวมทุกรายการ ซึ่งถือเป็นปีสุดท้ายก่อนย้ายไปอยู่กับ รีล มาดริด ส่วน เวย์น รูนีย์ ก็ไม่น้อยหน้ายิง 18 กับ 20 ประตูรวมทุกรายการตามลำดับ พร้อมมีผู้สนับสนุนอย่าง คาร์ลอส เตเบซ ที่ฤดูกาล 2007-08 ยิง 19 ประตูรวมทุกรายการ ส่วน ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นั้นถูกซื้อมาซีซัน 2008-09 ก่อนยิง 14 ประตูรวมทุกรายการ รวมแล้วถือเป็นยุคที่สาวก "เรด เดวิลส์" ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียดายที่รวมตัวกันได้ไม่นาน
2012-2013 ฟาน เพอร์ซี่ / รูนี่ย์ / เฮร์นานเดซ : 8/10
ฤดูกาลสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในการคุมถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่สามารถทวงแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มาครองเป็นการส่งท้าย โดยคว้า โรบิน ฟาน เพอร์ซี มาจาก อาร์เซนอล ก่อนที่จะยิง 26 ประตูนับเฉพาะในลีก เรียกได้ว่าแข้งเลือดดัตช์มาเติมเต็มทั้งการยิงจุดโทษกับฟรีคิกรวมถึงเล่นลูกเซตพีซ ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ ก็มาช่วยยิง 16 ประตูรวมทุกรายการกับ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ที่มายิง 18 ประตูรวมทุกรายการ ซึ่ง "เจ้าถั่วน้อย" ดาวยิงเม็กซิกันก็ถือเป็นอัญมณีที่นายใหญ่ชาวสกอตค้นพบเป็นการทิ้งทวน
2017-18 ลูกากู / อิบราฮิโมวิช / แรชฟอร์ด / มาร์กซิอาล : ?
แน่นอนทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นสุดยอดเกมรุก หลังจากสอย โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยี่ยมมาจาก เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,375 ล้านบาท) ซึ่งก็ยิงไปแล้ว 4 ประตูจาก 4 นัดรวมทุกรายการ ประกอบกับที่มีอยู่เดิมอย่าง 2 ดาวรุ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อองโตนี่ย์ มาร์กซิอาล ที่เล่นได้ทั้งดาวยิงและตัวริมเส้นรอวันรีดศักยภาพออกมาให้เต็มที่และคงเส้นคงวา นอกจากนี้ยังได้ประสบการณ์ของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เข้ามาเติมเต็ม หลังปีที่แล้วกดไป 28 ประตูรวมทุกรายการก่อนที่จะบาดเจ็บ แต่ต้องรอจนถึงเดือนมกราคมกว่าจะกลับมาเล่นได้อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นศูนย์หน้าชุดนี้ก็น่าจะครบเครื่องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว