xs
xsm
sm
md
lg

สรุป “ขนไก่” ครองเจ้าคอร์ดซีเกมส์ 4 เหรียญทอง 2 เงิน 4 ทองแดง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

จงกลพรรณ กิติธรากุล(ซ้าย)-รวินดา ประจงใจ(ที่2จากซ้าย) เหรียญทอง และพุธิตา สุภจิรกุล-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เหรียญเงินหญิงคู่
การแข่งขันแบดมินตัน ประเภทบุคคล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เป็นการแข่งขันวันสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งนักแบดมินตันไทยเข้ามาชิงชนะเลิศได้ถึง 4 ประเภทด้วยกันและเป็นการชิงกันเองในประเภทหญิงคู่ ปรากฏว่า ไทยกวาดไปได้ถึง 3 เหรียญทอง

เริ่มต้นที่ประเภทคู่ผสม “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ ดวลกับคู่ปรับเก่า โก๊ะ ซุน ฮวด และ เชวอน เจมี่ ไล มือวาง 2 จากมาเลเซีย ที่การเจอกัน 2 ครั้งหลังสุดคู่ของไทยเป็นฝ่ายแพ้มาตลอด แต่เกมวันนี้ คู่ของไทยใช้ความไวและการเล่นที่เฉียบขาดกว่า เอาชนะไปได้ 2 เกมรวด 21-15, 22-20 ส่งผลให้บาสกับปอป้อเป็นคู่ผสมของไทยที่คว้าเหรียญทองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีของศึกซีเกมส์

ทรัพย์สิรี ที่คว้าทองที่ 2 ในซีเกมส์หลังจากได้เหรียญทองจากประเภททีมหญิงมา กล่าวว่า พยายามเล่นแบบไม่กดดันตัวเอง เล่นตามเกมที่วางแผนมา ดีใจมากที่ทำได้สำเร็จ

“เหรียญทองนี้อยากมอบให้กับคนไทยทุกคน และขอบคุณพ่อ - แม่, เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี, สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ รวมไปถึงคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจมาตลอด”

ด้าน เดชาพล กล่าวว่า ในเกมที่สอง ที่ค่อนข้างสูสีนั้น พยายามคุมสติและสมาธิให้อยู่ ซึ่งเหรียญนี้อยากมอบให้กับคนไทยทุกคนเช่นกัน

จากนั้น “ปอป้อ” ลงชิงเหรียญทองต่อในประเภทหญิงคู่ โดยจับคู่กับ “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล คู่มือ 10 ของโลก และเป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการ เจอกับเพื่อนร่วมชาติ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มือ 13 ของโลก เกมแรกคู่ของจงกลพรรณกับรวินดาชนะไปก่อน 21-16 ในเกมที่สองขณะที่คู่ของ ทรัพย์สิรี - พุธิตา นำอยู่ 8-6 ในจังหวะที่ทรัพย์สิรีกระโดดขึ้นตบลูก ปรากฏว่า ลงผิดจังหวะ ทำให้เข่าซ้ายบิด ต้องปฐมพยาบาลพักใหญ่ก่อนฝืนเล่นต่ออีกหนึ่งแต้ม แต่สุดท้ายขอยอมแพ้ ทำให้ จงกลพรรณ กับ รวินดา คว้าเหรียญทองไปครอง กลายเป็นนักแบดมินตันหญิงคู่ของไทย ที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ในรอบ 46 ปี ซึ่งคู่สุดท้ายที่ทำได้ คือ ทองคำ กิ่งมณี และ อัจฉรา ปัตตพงศ์ เมื่อปี ค.ศ. 1971

จงกลพรรณ กับ รวินดา กล่าวร่วมกันว่า เล่นแบบไม่กดดัน เพราะทีมไทยทำได้ตามเป้าหมาย คือ เข้ามาชิงชนะเลิศกันเอง แต่ละฝ่ายก็สามารถเอาชนะมือ 1 ของแต่ละประเทศมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าใครชนะ ก็คือประเทศไทยได้แชมป์

จากนั้นในประเภทชายคู่ เดชาพล คู่กับ “สกาย" กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มือวาง 4 ของรายการ เฉือน อ่อง เยว ซิน-โตว อี ยี่ คู่มือวาง 3 เจ้าภาพไปอย่างสนุก 2-1 เกม 21-19, 20-22, 21-17 คว้าเหรียญทองที่ 4 ปิดท้ายให้ทัพแบดมินตันไทยได้สำเร็จ และถือเป็นเหรียญทองชายคู่ในรอบ 18 ปี ขณะที่เดชาพล เป็นนักแบดมินตันคนที่สองของไทยที่คว้าเหรียญทองทั้ง 2 ประเภทที่เข้าชิง ต่อจาก เพ็ญแข โพธิ์งาม ที่ทำได้เมื่อปี 1961

ด้านรอบชิงชนะเลิศ ชายเดี่ยว “เพชร" โฆษิต เพชรประดับ มือ 2 ของรายการ แพ้ โจนาธาน คริสตี้ มือวาง 1 ของรายการจากอินโดนีเซีย 2 เกมรวด 19-21, 10-21 คว้าเหรียญเงินมาครอง

สรุปนักแบดมินตันไทยกวาดไป 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง ครองเจ้าคอร์ตซีเกมส์ และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กวาดได้ถึง 4 เหรียญทอง (ทีมหญิง, คู่ผสม, ชายคู่ และ หญิงคู่)
เดชาพล พัววรานุเคราะห์-กิตตินุพงษ์ เกตุเรน ชนะ อ่อง เยว ซิน-โตว อี ยี่ นักแบดมินตันเจ้าภาพ 2-1 เกม 21-19,20-22,21-17 คว้าเหรียญทองชายคู่
ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ชนะ โก๊ะ ซุน ฮวด และ เชวอน เจมี่ ไล 21-15, 22-20 ในรอบชิงชนะเลิศประเภทคู่ผสม
กำลังโหลดความคิดเห็น