"มาราธอน" บูมหนัก เน้นปริมาณ-ลดคุณภาพ รอยด่างที่รอการแก้ไข

ผู้จัดการรายวัน 360 - กระแสการดูแลสุขภาพของคนยุคปัจจุบันกำลังมาแรง เห็นได้จากจำนวนผู้นิยมหันมาออกกำลังกายมากขึ้นในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการวิ่งออกกำลังกายที่ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้นทำให้สะดวกและได้รับความนิยมมากขึ้น กระทั่งนำไปสู่การแข่งขันวิ่งมาราธอนในที่สุด

โดยการแข่งขันวิ่งมาราธอนในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกระยะการวิ่งที่ไม่สาหัสและฝืนร่างกายตัวเอง อาทิวิ่งระยะ 5 กิโลเมตร ก็สามารถร่วมแข่งขัน เพื่อทดสอบสภาพร่างกาย และการฝึกซ้อม พร้อมกับมีเหรียญรางวัลเป็นที่ระลึกว่าเคยผ่านการแข่งขันมาแล้วไปสร้างความภาคภูมิใจ

นอกจากนี้ยังมีดารานักแสดงคนดังเข้าร่วมการแข่งขัน จนกลายเป็นกระแสให้มีคนหันมาสนใจการออกกำลังกายชนิดนี้จำนวนมาก ทำให้องค์กรน้อยใหญ่ต่างหันมาจัดงานวิ่งเพื่อหารายได้จากการสมัครเป็นจำนวนมากจนอดคิดไม่ได้ว่าแต่ละงานที่จัดนั้น ได้มาตรฐาน หรือมีความปลอดภัยสำหรับนักวิ่งมากน้อยเพียงใด อย่างที่เคยมีน่องเหล็กกว่า 3 หมื่นชีวิตร่วมวิ่งในรุ่น ฮาล์ฟ-มาราธอน ที่มีเรื่องกระฉ่อนวงการมาราธอนทั่วโลก จนถูกบันทึกลง กินเนส บุ๊คส์ ว่าเป็นฮาล์ฟ มาราธอน ที่ระยะไกลที่สุด หลังฝ่ายจัดฯกำหนดระยะทางผิดพลาด จากเดิมกำหนดไว้ทั้งหมด 21 กิโลเมตร แต่ทว่า วันจริงจุดกลับตัวเกินกว่ากำหนดถึง 6.6 กิโลเมตร เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บของนักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรม

ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามหาคำตอบถึงมาตรฐานการจัดการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็น โดย พล.อ.มนัส คล้ายมณี นายกสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย กล่าวถึงขอบเขตในการจัดงานวิ่งแต่ละครั้งว่า "ถือเป็นเรื่องดีที่ปัจจุบันคนหันมาสนใจเรื่องวิ่งจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการจัดงานวิ่งมาราธอนที่ผ่านมานั้นสามารถทำได้โดยไม่ได้มีข้อกำหนดแต่อย่างใด เพียงแต่แค่มีการดูแลอำนวยความสะดวกในการวิ่งให้ดี ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่คอยควบคุมการจราจร และดูในเรื่องเส้นทางการวิ่งไม่ให้อันตรายจนเกินไปเท่านั้น บ่อยครั้งก็เกิดปัญหาเหมือนกัน"

"ที่ผ่านมาเคยมีบางงานที่มีปัญหา ทางสมาคมฯ ก็จะกล่าวตักเตือนฝ่ายจัดการแข่งขันไป แต่ในปีนี้ถือว่าทุกรายงานอยู่ในความเรียบร้อย มีการระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย ในอนาคตก็หวังว่าจะมีคนหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการวิ่งเพิ่มมากขึ้น" นายกสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.ศุภวณัฎฐ์ อาริยะมงคล หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกรีฑาทีมชาติไทย เผยถึงสาเหตุที่ทำให้คนหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งว่า "อาจเป็นเพราะกีฬาวิ่งต้นทุนไม่แพง, อุปกรณ์ไม่เยอะ, เริ่มต้นได้ง่าย และ สามารถทำคนเดียว หรือทำเป็นหมู่คณะได้ ซึ่งสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย ก็ให้การสนับสนุนในเรื่องการออกกำลังกายอยู่แล้ว"

"ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการวิ่งหลายงานที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งเป็นเพราะความผิดพลาดของฝ่ายจัดการแข่งขัน ในส่วนของสมาคมกรีฑาฯ ก็มีการจัดงานวิ่งมาราธอน แต่เราเลือกจะไปจัดตามต่างจังหวัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติด และได้อากาศดีๆ เหมาะแก่การออกกำลังกาย ซึ่งก็อยากฝากให้ผู้จัดหลายๆ รายเน้นย้ำว่าการจัดงานแต่ละครั้งควรคำนึงถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย ไม่เช่นนั้นอาจถูกต่อต้านจากคนท้องที่ก็เป็นได้"

แม้จะเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม แต่การแข่งขันมาราธอนในปัจจุบัน ก็ขาดการควบคุม และกลายเป็นวิธีหาผลประโยชน์ของผู้จัดบางรายที่คำนึงถึงแต่ตัวเลขกำไร-ขาดทุนมากเกินไป จนสุ่มเสี่ยงให้การแข่งขันเพื่อนสุขภาพ กลายเป็นกิจกรรมเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และสุขภาพด้วยเช่นกัน