เดิมทีถือว่าเสริมทัพขัดใจสาวก “เรด เดวิลส์” บางส่วน สำหรับ โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ซัมเมอร์นี้ได้แข้งใหม่แล้วรายหนึ่ง คือ วิคเตอร์ ลินเดอลอฟ แต่ล่าสุดกำลังจะประกาศคว้า โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยียมจาก เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,375 ล้านบาท)
ย้อนไปดูจากตาราง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อปีที่แล้วเกมรับ แมนฯยู น่าพึงพอใจเสีย 29 ประตู จาก 38 นัด น้อยที่สุดในลีกเป็นอันดับ 2 รองจาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ที่เสีย 26 ประตู แต่ “เฮียมู” เลือกคว้า ลินเดอลอฟ เข้ามาเป็นตัวเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟแทนที่จะเป็นแนวรุก
อย่างที่เห็นไปแล้วว่าเกมรุก แมนฯยู เมื่อปีที่แล้วน่าอึดอัดแค่ไหนยิงได้แค่ 54 ประตูน้อยที่สุดในบรรดาท็อป 7 ของลีก แถมยิงได้ต่ำกว่า เอฟเวอร์ตัน ที่ถลุงไป 62 ประตู
หลังจากได้ ลูกากู ไปแล้ว ว่ากันว่า มูรินโญ ยังสนใจ อัลบาโร โมราต้า ของ รีล มาดริด เพราะฤดูกาลหน้าต้องกรำศึกหนักหลายถ้วย ขณะที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หมดสัญญารวมถึง เวย์น รูนีย์ ที่ว่ากันว่าไร้ชื่อปรีซีซันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะกำลังจะย้ายกลับถิ่นเก่า เอฟเวอร์ตัน
ยังไม่ต้องพูดถึงค่าตัวของ โมราต้า ที่ว่ากันว่า รีล มาดริด ต้องการถึง 70 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,150 ล้านบาท) เพื่อปล่อยหอกทีมชาติสเปนที่ไม่อาจแย่งตัวจริงจาก “บีบีซี” หรือ “เบเบเซ” ในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาบิว คือ คาริม เบนเซมา, แกเร็ธ เบล และ คริสเตียโน้ โรนัลโด้
โมราต้า หรืออาจรวมถึง ลูกากู จะต้องเข้ามาแบกความหวังแดนหน้า แมนฯยู ที่ตอนนี้ต้องการแข้งที่สามารถยิงแตะหลัก 20 - 30 ประตูต่อฤดูกาล จึงสามารถกลับไปต่อกรในตำแหน่งแชมป์ลีก
แต่การได้เห็นสถิติยิงประตูที่ผ่านมาของ โมราต้า ทำให้นึกถึงหอกระดับตำนานคนหนึ่งของถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ได้ฉายาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “ซูเปอร์ซับ” รวมไปถึง “เพชฌฆาตหน้าทารก” ที่มีชื่อว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา
โซลชา ยิง 126 ประตูตลอด 11 ปีในสีเสื้อ แมนฯยู รวมประตูปาฏิหาริย์พลิกชนะ บาเยิร์น มิวนิค ช่วงทดเจ็บ 2-1 คว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 1999 ส่วนใน พรีเมียร์ ลีก ยิงไปทั้งสิ้น 84 ประตู แต่เป็น 17 ประตูจากม้านั่งสำรอง ซึ่งถือว่าเป็นทีเด็ดอย่างยิ่งของ “ผีแดง” ในยุคนั้น
ส่วน โมราต้า เมื่อปีที่แล้วยิงรวมทุกรายการให้ รีล มาดริด 20 ประตูจาก 43 นัด ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจไม่น้อย เพราะเมื่อเทียบจากการลงเล่นแค่ 1,873 นาททีเท่านั้น หมายความว่ายิงเฉลี่ย 1 ประตูจากทุกๆ 94 นาทีหรือเรียกได้ว่าเกือบ 1 ประตูต่อเกม
สถิติยิงน่าทึ่งขึ้นไปอีกเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่ โมราต้า ลงสนามในฐานะตัวสำรองตั้งแต่ฤดูกาล 2012-13 ยิง 26 ประตูจาก 105 ที่เป็นตัวสำรอง เทียบยิง 32 ประตูจาก 80 นัดที่สตาร์ท
ดังนั้น หมายความว่า โมราต้า ยิง 1 ประตูทุกๆ 195 นาทีที่ได้ออกสตาร์ท และยิง 1 ประตูทุกๆ 71 นาที ที่ลุกจากม้านั่งสำรอง ยิ่งไปกว่านั้นแข้งวัย 24 ปี ยิง 1 ประตูทุกๆ 54 นาที ที่เป็นสำรองฤดูกาล 2016-17 รวมยิง 7 ประตูจาก 397 นาทีที่วาดลวดลายในฐานะซูเปอร์ซับ
จากนี้ก็มารอลุ้นกันว่า แมนฯยู จะเอา โมราต้า อีกหรือไม่หลังจากได้ ลูกากู เพราะสถิติของแข้งสเปนบ่งบอกว่าพร้อมเป็น “ซูเปอร์ ซับ” คนใหม่ที่มาทำลายสถิติ โซลชา ซึ่งก็อยู่ที่ มูรินโญ จะเลือกใช้งาน