ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา สนามมวยลุมพินีเปิดไฟเขียวพร้อมผู้จัดอนุญาตให้คนดังแห่งโลกโซเชียลอย่าง เสี่ยโป้ เพชรเกษม กับ กง เมืองมิน นักมวยระดับอาชีพ สู้กันบนสังเวียน ท่ามกลางคนดูที่แห่มาชมอย่างล้นหลามทั้งที่สนามมวยและการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางต่างๆ ไฟต์นั้นจบลงด้วยผลเสมอ และโดนวิจารณ์หนักหน่วงว่าทั้งคู่ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของวงการมวยไทยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวคู่ชกกับผู้จัดจะมีแต่ได้กับได้ ทว่าเมื่อพิจารณาดูแล้วมันคือไฟต์หลอกลวงคนดูอย่างไม่ต้องสงสัย
จุดเริ่มต้นของมวยคู่ประหลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อ เก่ง ลายพราง คนดังแห่งโลกอินเตอร์เน็ต ใช้วาจาดูถูกดูแคลนต่อ เสี่ยโป้ ผ่านทางโซเชียล แน่นอนว่าด้วยสัญชาตญาณนักเลงทำให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องมาขอท้าชก แต่เนื่องจาก เก่ง ไม่อยากออกแรงปะทะจึงส่ง กง เมืองมีน เพื่อนที่มีปัญหาขัดแย้งกับเสี่ยจากเพชรเกษมเช่นกัน เป็นคนชกแทน โดยรายละเอียดการต่อสู้คือชกเพียงแค่ 1 ยก 4 นาที พร้อมวางเงินเดิมพันคนละ 4 ล้านบาท ใครชนะเอาไปเลยที่สังเวียนมวยลุมพินี
เรื่องความไม่เหมาะสมหรือดูถูกแม่ไม้มวยไทย คงไม่ต้องพูดมากเพราะบรรดานักมวยอาชีพและบุคคลในแวดวงกำปั้นพูดไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ มีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องประกาศการชกกันเอิกเกริกเช่นนี้ เริ่มกันที่ปัญหาระหว่าง เสี่ยโป้ กับ เก่ง และ กง ปกติเวลานักเลงหรือผู้มีอิทธิพลขัดแย้งกัน คงไม่เสียเวลามานัดต่อยกันบนเวทีมวยให้เป็นเรื่องใหญ่โต ส่งลูกน้องหรือลงมือจัดการเองแบบเงียบๆก็จบแล้วตามวิสัย ยิ่งทำให้ประเจิดประเจ้อก็มีแต่เสียหาย
เหตุผลสนับสนุนอีกข้อคือ “อยากมีชื่อเสียง” ดังที่ว่าไปด้วยวิสัยนักเลง หากอยากกำจัดคู่อริ ไม่ต้องเสียเวลาไปออกรายการทีวีเพื่อโปรโมตไฟต์ดังกล่าว แค่นัดเคลียร์กันเงียบๆก็จบ แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการยกสถานะตัวเองให้โด่งดังกว่าเดิม จึงต้องงัดกลยุทธ์มานำเสนอเช่นออกทีวีก็ต้องมีพูดจาต่อปากต่อคำแบบดุเดือด หรือไม่ก็ฮึดฮัดใส่กันให้ดูเหมือนจะวางมวยกันออกทีวี แค่นี้สื่อโซเชียลก็ร่วมกันประโคมข่าวหาแฟนคลับให้ทั้งคู่เพิ่มเติมอีกตามแผนที่ทั้งคู่วางไว้ ยิ่งเสี่ยคนดัง โพสต์รูปตัวเองก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของ “ในหลวง” คะแนนนิยมก็เพิ่มอีกอักโข
มาถึงวันต่อสู้จริง ข้อสังเกตทั้งคู่อาจไม่ได้มองถึงผลแพ้ชนะอยู่แล้ว หลักฐานคือ เสี่ยโป้ ดูไม่ค่อยจริงจังกับการต่อสู้เท่าไหร่ด้วยรูปมวยที่ไร้ชั้นเชิงแถมดูอ่อนซ้อม เข้ากอด หมัดไร้น้ำหนัก ไม่เหมือนที่คุยโวว่าจะล่อ กง ให้ยับ ผิดกับอีกฝ่ายที่มาดีกว่าเพราะอยู่บนเส้นทางนักสู้บนผืนผ้าใบมานาน สุดท้ายจบยกกรรมการชูมือให้สองฝ่ายเสมอกัน แถมเสี่ยลายพร้อยก็ยังถูกถ่ายคลิปตอนหอบกิน ดมยา และโดนหามเข้าห้องแต่งตัวให้เป็นที่อับอาย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เสี่ยโป้ ไม่ได้คิดจะเอาชนะ กง เพราะถ้าตั้งใจจริงคงไปซุ่มซ้อมกับฟิตตัวเองให้ดีกว่านี้ไม่ให้ภาพออกมาดูอับอาย ขณะเดียวกันอาจมีการตกลงกันทางหลังฉากว่าเอาแค่เสมอก็พอ ดังนั้นเสี่ยคนดัง กับ กง และ เก่ง จึงไม่มีใครเสียหาย เอาเงินเดิมพันกลับบ้าน ส่วนที่บอกว่าเอาไปบริจาคให้มูลนิธิช่วยเหลือเด็กนี่จริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะไม่เห็นมีภาพยืนยัน ตามสไตล์คนดังที่จะทำอะไรก็ต้องถ่ายรูปลงโซเชียลเป็นหลักฐานให้คนชื่นชม
การชกกันของสองคนนี้ เราได้เห็นว่ามีหลายฝ่ายพยายามโหนกระแสเพื่อทำให้ตัวเองโด่งดังและประโยชน์ทางธุรกิจ รายที่น่าสนใจคือ วัน อยู่บำรุง ที่อยู่ๆก็ออกมาสนับสนุน เสี่ยโป้ แบบชัดเจนแถมยังทำเสื้อแจกให้คนที่สนใจเอาไปใส่เป็นกองเชียร์ด้วย ดูแล้วก็เห็นเป็นอะไรไม่ได้นอกจากการใช้เงินซื้อใจนักเลงมาเป็นพวก เพราะอีกหน่อยเวลามีปัญหาอะไรไม่ต้องสงสัยว่า เสี่ยโป้ จะต้องออกมารับฉากหน้าเพื่อปกป้องลูกพี่ของเขาอย่างแน่นอน
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นหากใช้สติพินิจพิเคราะห์ให้ดีโดยไม่หลงชื่อเสียงความดังของแต่ละฝ่าย ก็ชัดเจนว่าไฟต์ระหว่าง เสี่ยโป้ และ กง นั้นไม่ต่างกับมวยล้มต้มคนดู สุดท้ายคนที่ได้ก็คือคนดังทั้งสองและผู้เกี่ยวข้องทางผลประโยชน์ ส่วนคนดูก็เหมือนโดนแหกตาตกเป็นเหยื่อของทั้งสองไปโดยปริยาย ดังนั้นก็ลองพิจารณาดูกันเองว่าถ้าอนาคตคู่นี้จะต่อยกันอีก หรือมีคู่มวยลักษณะเดียวกันเกิดขึ้น จะนั่งเฝ้าหน้าจอติดตามหรือปิดทีวีไปหาอะไรทำดีกว่า