xs
xsm
sm
md
lg

เก้าอี้ผู้ว่าเล็กเกินไป...ฝันของ "มาดามแป้ง" หรือจะไกลกว่าที่คิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“มาดามแป้ง” อาจหวนคืนเวทีการเมือง
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - มีหลายคงงงกับการที่ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร การท่าเรือ เอฟซี จู่ๆ ก็ออกมาโพสต์ข้อความลง "เฟซบุ๊ค" สื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัว ที่เจ้าตัวเริ่มต้นว่า "แอบร้องไห้หนักมาก หลายคนตั้งคำถามว่า แป้งจะลงสมัครผู้ว่า กทม.จริงหรือ?"

เรื่องนั้นเริ่มมาจากการที่ การท่าเรือ เอฟซี แต่งตั้ง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทย นั่งแท่นนายใหญ่เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่มีบางส่วนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับลูกหนังล้วนๆ เพราะว่ากันว่าจะกุมบังเหียนเพียงแค่เลกสองของฤดูกาลนี้เท่านั้นหรือจะเรียกได้ว่าเป็นแบบสัญญาใจก็ว่าได้

ระยะเวลาเพียงไม่กี่วันแต่ก็อดที่จะเชื่อมโยงทั้งคู่เข้าสู่แวดวงการเมืองไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก่อน แต่อาจไม่ใช่เร็วๆ นี้อย่างการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครที่เหมือนเป็นยั่งเสียงของกลุ่มก้อนต่างๆ ซึ่งมีมาให้เห็นช้านานแล้ว

อีกทั้งด้วยประสบการณ์ในแวดวงการเมืองของ “มาดามแป้ง” ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และการที่เคยรับตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยของ อภิรักษ์ โกษะโยธิน และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสมัยของ อิสระ สมชัย

ดังนั้นเมื่อพิจารณาความเป็นจริงที่ “นางฟ้าท่าเรือ” มีจุดเริ่มต้นมาจากนักธุรกิจตระกูลล่ำซำ ทำให้มีหลายฝ่ายมุ่งความสนใจไปถึงแผนงานในอนาคตที่คงจะวางมือจากเรื่องกีฬาที่ทำมาร่วม 10 ปีและอาจจะมีเซอร์ไพส์ได้เห็นเธอในบทบาทผู้นำด้านใดด้านหนึ่ง

ย้อนกลับไปในอดีตบุคคลสำคัญในวงการการเมืองมักจะใช้กีฬาเป็นบันไดสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง อย่างเช่น อภิรักษ์ โกษะโยธิน ในสมัยที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่า กทม. ได้ดึงงบประมาณส่วนหนึ่งไปพัฒนาสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ อดีตแชมป์ไทยลีก ครั้งที่ 10 ก่อนเปลี่ยนชื่อมาเป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด ชูนโยบายผลักดันให้เป็นทีมของคนกรุงเทพฯ ใช้สีเขียวเป็นสีประจำสโมสร ทว่าไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้เหมือนสมัยเป็น ม.กรุงเทพ จึงส่งไม้ต่อให้ ขจร เจียรวนนท์ เข้ามาบริหารทีมต่อจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ทำให้ผู้ว่าในยุคนั้นได้ฐานเสียงคนรักเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย

หรือแม้แต่พรรคการเมืองบางพรรคมักเน้นดึงนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศเข้ามาร่วมพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ หรือบางพรรคตั้งชื่อชัดเจนอย่างพรรคพลังคนกีฬาของ “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล และที่ดึงเอานักฟุตบอลสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ในสังกัดของ เนวิน ชิดชอบ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโปสเตอร์หาเสียงของพรรคภูมิใจไทย

ไม่เว้นแม่แต่ตระกูลคุณปลื้ม จากพรรคพลังชลที่ทำทีมฟุตบอลมานานหลายปี มีทั้ง ชลบุรี เอฟซี, พัทยา ยูไนเต็ด และศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี หรือทีมภาคเหนืออย่างเชียงราย ยูไนเต็ด ของตระกูลติยะไพรัตน์จากพรรคเพื่อไทย หรือทีทีเอ็ม พิจิตร ที่เคยมีประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ รวมถึงศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ที่มีสมบัติ เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานสโมสรนั่นเอง

ทุกวันนี้ทีมฟุตบอลตามต่างจังหวัดเกือบทุกแห่งจะพบชื่อประธานสโมสร ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองที่คุ้นชื่อกันอยู่ มีทั้งอดีตนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ หรือเป็นญาติพี่น้องรวมถึงคนใกล้ชิดเข้ามาเป็นโต้โผใหญ่ในทีม หรือถ้าเป็นนักการเมืองที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ก็มักจะเข้าไปในรูปของที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ แต่คนในวงการฟุตบอลทราบดีว่าเขาเหล่านี้คือผู้ที่จะเข้ามาปลุกปั้นและทำทีมฟุตบอลตัวจริง

ฉะนั้นในรายของนักธุรกิจ ที่ลงทุนทำทีมฟุตบอลเป็นเม็ดเงินมูลค่าสูงถึง 100 ล้านบาท อย่าง “มาดามแป้ง” จะให้พุ่งเป้าว่ารักกีฬาลูกหนังอย่างจริงจังก็คงจะทำใจลำบาก เพราะยังมีกระแสสาวเก่งคนนี้ให้ความสนใจกับเกมการเมืองในปัจจุบันอยู่ไม่น้อย หากจะกระโดดลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าจังหวัดขึ้นมา ด้วยภาพลักษณ์อ่อนหวาน แต่แฝงความเป็นผู้นำของเธอ ยิ่งดึงเอาอดีตศูนย์หน้าจอมตีลังกาเข้ามาร่วมงานด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ได้รับคะแนนนิยมอย่างล้มหลามแน่นอน

แต่หาก “มาดามแป้ง” จะหันไปจับมือเป็นทีมงานของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ที่ประกาศพร้อมลงชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือว่าช่วยเรียกคะแนนให้พรรคการเมืองเดิมของเจ้าตัวได้ไม่น้อย จับต้นชนปลายมาถึงตอนนี้ก็ต้องมาจับตามองกันว่าหญิงเก่งรายนี้จะหวนคืนสู่วงการการเมืองในรูปแบบไหน

กระนั้นก็ตามให้หลังจากแต่งตั้ง "ซิโก้" เพียงแค่สัปดาห์เดียว "มาดามแป้ง" ก็โพลงโพสต์ร่ายยาวลง "เฟซบุ๊ค" อย่างที่เราได้จั่วหัวไปแล้ว เหมือนอัดอั้นตันใจกับอะไรบางอย่างที่มีกระแสถาโถมมาอย่างหนัก แต่ไม่มีสื่อไหนกล้าที่จะประโคมข่าว

ข้อความของ "สาวสองพันปีวงการลูกหนัง" ระบุว่า "แอบร้องไห้หนักมาก หลายคนตั้งคำถามว่า แป้งจะลงสมัครผู้ว่า กทม.จริงหรือ? คงถึงเวลาที่แป้งต้องเปิดใจ ไม่เช่นนั้นหลายคนคงเข้าใจเจตนารมณ์ของแป้งในการทำทีมฟุตบอลเบี่ยงเบนไปจากความเป็นจริงในใจตั้งแต่แรก แป้งอยู่ในวงการกีฬามากว่า 10 ปี ด้วยใจรักและอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการกีฬาไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาคนพิการหรือกีฬาฟุตบอลหญิงซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่แป้งภาคภูมิใจมากและถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูง ที่ได้เริ่มต้นวางพื้นฐานให้กับทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยจนพัฒนาขึ้นตามลำดับ จนถึงวันที่ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยได้ประกาศศักดิ์ศรีของคนไทยให้เป็นที่เลื่องลือในเวทีฟุตบอลโลก วันนี้นอกจากทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย #ทีมลูกรัก แป้งหันมาบริหารทีมฟุตบอลชายด้วย นั่นคือสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ก็ด้วยความชื่นชอบและหลงใหลในกีฬาฟุตบอล หวังจะเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมพัฒนาวงการกีฬาฟุตบอลไทย ให้คนไทยได้สนุกไปกับการแข่งขันในแต่ละเกมส์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แป้งทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาทุกด้าน เพื่อให้ทีมแข็งแกร่ง สร้างผลงาน ทำให้แฟนบอลมีความสุขกับการเชียร์ทีมที่ตนรัก"

"อนึ่ง การเชิญคุณซิโก้ เข้ามาร่วมงานถือเป็นโอกาสดีมากที่ได้คนมีฝีมือระดับชาติมาช่วยพัฒนาสมรรถนะของทีม เพราะเล็งเห็นว่าโค้ชซิโก้ เป็นผู้มีประสบการณ์ระดับประเทศ เคยนำทีมฟุตบอลชายสร้างชื่อเสียงให้ประเทศหลายครั้ง แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ทำหน้าที่โค้ชทีมชาติแล้ว แต่ประสบการณ์และความสามารถก็ไม่ได้จางหายไปเลย ประกอบกับความตั้งใจของซิโก้ที่ตรงกับแป้ง เรื่องการทำงานที่ต้องการพัฒนาวางรากฐานอันเข้มแข็งให้กับวงการฟุตบอลไทย จึงเป็นเหตุผลหลักของการร่วมงานกันในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน บางคนพยายามโยงประเด็นโค้ชซิโก้เข้ากับการสร้างฐานเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งผู้ว่ากทม. #ไม่ใช่เลยค่ะ แป้งขอบอกอย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายในการทำทีมฟุตบอลของแป้ง และอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าที่ผ่านมาแป้งไม่เคยคิดที่จะลงสมัครตำแหน่งผู้ว่ากทม.แต่อย่างใด #มีแต่คนคิดเอง เขียนเองตลอดเวลา (แอบเศร้า) แป้งอยากให้แฟนบอลทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลท่าเรือรับทราบและเข้าใจจุดยืนของแป้งว่าการทำทีมฟุตบอลยังคงเป็นความรักอันมั่นคง ไม่เกี่ยวโยงกับตำแหน่งผู้ว่ากทม.แน่นอน คนที่รู้จักแป้งจะทราบดีว่า ทุกการกระทำแป้งเปิดเผยและจริงใจ มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จอย่างดีที่สุด ด้วยสุจริตใจเสมอ เข้าใจตรงกันนะคะ กราบ!"

แน่นอนว่าแฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" คงดีใจที่นายหญิงโพสต์ข้อความเช่นนั้น อย่างไรก็ตามอนาคตก็ยังไม่แน่ เพราะ MOU ที่เซ็นไว้เหลืออีก 2 ปีจะหมดสัญญา แต่ "มาดามแป้ง" อาจไม่ได้คิดที่จะชิงเก้าอี้ผู้ว่ากรุงเทพฯ จริงๆ ก็ได้ แต่ถ้าต้องการจะผิดตรงไหน หรืออีกนัยหนึ่งคือต้องการตำแหน่งที่ใหญ่กว่านั้นเช่นนั่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง

ด้วยบารมีที่สั่งสมมารวมถึงภาพลักษณ์ของ "มาดามแป้ง" ก็มีศักยภาพพอที่จะขึ้นไปถึงระดับสูงอย่างตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาก็ผ่านการทำงานมาแล้วทุกอย่าง ดังนั้นด้วยความเพียบพร้อมทุกอย่างเช่นนี้มีสิทธิ์ที่จะฝันไกลได้เลย ไม่แน่อนาคตจะเปลี่ยนใจก็ได้ เพราะ "โลกลูกหนังอะไรก็ไม่แน่นอน" อย่างที่เคยได้สัมผัสมาแล้ว ส่วนโลกการเมืองนั้นก็เหมือนกันใครกล้าบอกว่าแน่นอนบ้าง
“ซิโก้” ติดโผทีมงาน “นางฟ้าท่าเรือ”
ชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. มีความเป็นไปได้สูงสุด
2 มหาอำนาจในวงการลูกหนังไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น