ผู้จัดการรายวัน 360 - ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2017 เลก 2 กลับมาฟาดแข้ง การเสริมทัพของสโมสต่างๆ ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยหลายทีมทุ่มเทกำลังทรัพย์คว้าดาวเตะฝีเท้าดี ทั้งแข้งไทย ดาวเตะลูกครึ่ง และนักเตะต่างชาติมาเสริมทัพเต็มอัตราศึก ซึ่งมีผู้เล่นหลายรายที่น่าจับตาว่าจะสามารถงัดฟอร์มเก่ง และบางรายอนาคตอาจไกลไปถึงการติดทีมชาติไทยยุค มิโลวา ราเยวัช เลยก็เป็นได้
1. ราฟาเอล บาสโตส (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) : แนวรุกหน้าใหม่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยแข้งบราซิล วัย 32 ปี มาแทนที่ โรเจอริโอ คูตินโญ่ เพื่อนร่วมชาติที่ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมได้ จึงขอยกเลิกสัญญา สำหรับ บาสโตส เป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งริมเส้นซ้าย-ขวา รวมถึงสามารถยืนอยู่หลังกองหน้าได้ อดีตเคยอยู่กับสโมสรดังอย่าง บราก้า (โปรตุเกส), ซีเอฟอาร์ คลูจ์ (โรมาเนีย), เลฟสกี้ โซเฟีย (บัลแกเรีย), อัน นาเซอร์ (ซาอุดิอาระเบีย) รวมถึง ชาเปโคเอนเซ่ สโมสรในลีกบราซิล ที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกอีกด้วย
2. เฮแบร์ตี้ เฟอร์นันเดซ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) : กองหน้าชาวบราซิล วัย 28 ปี รายนี้ เคยสร้างชื่อกับ ราชบุรี เอฟซี ระหว่างฤดูกาล 2014-2016 ยิงรวมกันทุกรายการ 75 ประตู ซึ่งฤดูกาล 2014 ถล่มไปแล้ว 32 ประตูทุกรายการ และก้าวเป็นดาวซัลโวไทยลีก ด้วยจำนวนประตู 26 เม็ด จากนั้น อำลาทีมไปหากินในตะวันออกกลางกับสโมสร อัล ชาบาบ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดนยกเลิกสัญญา จากนั้นก็ได้รับการติดต่อจาก "กิเลนผยอง" ทั้งนี้ประสบการณ์เคยค้าแข้งในเจลีกกับ เซเรโซ โอซาก้า และ เวกัลตะ เซนได ถือเป็นการการันตีคุณภาพฝีเท้า
3. ชัยวัฒน์ บุราณ (เชียงราย ยูไนเต็ด) : แม้จะเป็นส่วนเกินของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จนถูกปล่อยให้ พัทยา ยูไนเต็ด ทีมดังจากภาคตะวันออกยืมตัว ทว่ามิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้กลับสามารถระเบิดฟอร์มโดดเด่นจนกระทั้ง มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ เรียกติดธงเป็น 1 ใน 35 คน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีชื่อติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เพื่อรับภาระกิจไปป้องกันแชมป์ "ซีเกมส์ 2017" ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะได้รับความสนใจจาก อเล็กซานเดอร์ กาม่า กุนซือ เชียงราย ยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทีม โดยเชื่อมั่นว่าซ้ายผ่านตลอดรายนี้จะยกระดับแนวรุกของทีมให้เฉียบคมขึ้นไปอีก
4. เฉลิมศักดิ์ อีกขี (บางกอกกล๊าส เอฟซี) : ปราการหลังวัย 22 ปี อดีตเด็กฝึกหัดจากอะคาเดมี่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ไม่สามารถก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ต้องระหกระเหินกับหลายสโมสรในลีกภูมิภาค ก่อนได้รับโอกาสจาก บีอีซี เทโรศาสน ทว่าไม่สามารถเบียแย่งตัวจริงได้ ถูกส่งต่อให้ บีซีซี เอฟซี ทีมน้องของ "มังกรไฟ" ในดิวิชั่น 2 และฟอร์มไปเข้าตา สก็อตต์ คูเปอร์ กุนซือ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด แห่งลีกวัน จึงได้ย้ายไปร่วมทีมพร้อมกับ สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าทีมชาติไทยเวลานี้ โดยสามารถพาทีมเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก และด้วยฟอร์มการสกัดบอลกลางอากาศอันโดดเด่น จึงได้รับโอกาสเรียกสู่ทีมชาติไทย ยุค ราเยวัช เช่นกัน
5. ชิเนดู เอเด้ (แบงค็อก ยูไนเต็ด) : แนวรุกวัย 30 ปี ที่สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า หรือแม้จะถอยลงมาเล่นตรงกลางและริมเส้น เริ่มเส้นทางนักเตะกับการเป็นเด็กฝึกหัดของ แฮร์ธา เบอร์ลิน รวมทั้งยังผ่านมากติดทีมชาติเยอรมนี ระดับเยาวชนชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ถึง 21 ปี โดยมีเพื่อนร่วมทีมอย่าง มานูเอล นอยเออร์, เจโรม บัวเต็ง, เมซุต โอซิล, มัตส์ ฮุมเอมลส์ ส่วนประสบการณ์ค้าแข้งระดับสโมสรก็โชกโชนแผ่านมาแล้วทั้งกับ แฮร์ธา เบอร์ลิน, ดุยส์บวร์ก, ยูนิโอน เบอร์ลิน, ไมนซ์ 05 ในยุคของ โธมัน ทูเคิล ก่อนย้านยไปร่วมทีม เอฟซี ทเวนเต้ แห่งลีกสูงสุดเนเธอร์แลนด์ และตัดสินใจเดินมุ่งหน้าสู่ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในที่สุด
6. ฟิลิป โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) : ดาวเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมนี วัย 22 ปี เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ได้รับการจับตามอง เนื่องจากแบ็คขวาที่มีคุณแม่เป็นชาวไทย เริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับ เอฟซี เอลรินเจน, เอสเอสเฟา อูล์ม 1846 ก่อนได้รับโอกาสจากเป็นสู่ทีมเยาวชน กราสส์ฮอปเปอร์ ซูริค ในสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นเริ่มต้นสู่การเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร อิลเลอร์ทิสเซ่น ในลีกสมัครเล่นของเยอรมัน และต่อมาก็ย้ายไป เอสซี ออสเตรีย ลัสเตเนา ทีมในลีกรองของ ออสเตรีย ก่อนตัดสินใจกลับสู่แผ่นดินแม่เพื่อร่วมทีม "ราชันมังกร"
7. เดลฟิน เฟรเดริโซ่ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) : นักเตะลูกครึ่งไทย-เนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังระดับเยาวชนกับ ดอร์เดรชท์, สปาต้า ร็อตเตอร์ดัม และ เอ็กซ์เซลเซอร์ ในเนเธอร์แลนด์ จากนั้นมีโอกาสไปอยู่กับ ไนกี้ อะคาเดมี่ ที่ประเทศอังกฤษ ต่อด้วย คาเซเรโน่ ในสเปน และกลับสู่ฮอลแลนด์ด้วยการค้าแข้งกับ โคซัคเค่นบอย และ ฮาเบเอส คราเยเฮาท์ ทีมระดับลีก 4 ก่อนมุ่งหน้าสู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวัย 21 ปี เพื่อหมายมั่นชิงตำแหน่งแบ็คขวาในทีมต่อไป