“เยเลนา ออสตาเพนโก” แชมป์เฟรนช์ฯ ป้ายแดง พลิกผันจากอดีตนักเต้น

เอเยนซี – รับทราบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับแชมป์ "เฟรนช์ โอเพน" ฝ่ายหญิงคนล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าคนที่ได้ชูถ้วย คุปป์ ซูซานน์ ล็องล็อง ไม่ใช่นักหวดระดับท็อป 5 ของโลกอย่าง ซิโมนา ฮาเล็ป จากโรมาเนีย แต่เป็น เยเลนา ออสตาเพนโก ผู้เล่นสาวจากลัตเวีย ที่สร้างประวัติศาสตร์หยิบแชมป์ระดับอาชีพใบแรกด้วยรายการระดับ แกรนด์ สแลม ก่อนถูกจับตาจากสื่อและเหล่ากูรูทั่วโลกว่าจะผลักดันตัวเองขึ้นมายิ่งใหญ่แทนเหล่ามือเก๋าที่โรยราหรือมาเพียงกระแสวูบวาบก็หายไป

เกมรอบชิงชนะเลิศที่ โรลังด์ การ์รอส จบลงด้วยชัยชนะของ ออสตาเพนโก ที่ดับฝันการปลดล็อกแชมป์ แกรนด์ สแลม ใบแรกในชีวิตของ ฮาเล็ป รวมถึงการขึ้นมือ 1 โลกของอีกฝ่ายได้ 2-1 เซต 4-6, 6-4, 6-3 สร้างประวัติศาสตร์แต่ ลัตเวีย ชาติบ้านเกิดว่าเป็นคนแรกที่ได้สลักชื่อลงบนถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์แห่งวงการเทนนิส ทั้งที่เพิ่งเทิร์นโปรไม่นาน ไม่เคยมีแชมป์ระดับอาชีพมาประดับตู้โชว์ที่บ้านแม้แต่ใบเดียว และลงเล่นรายการนี้ทั้งที่ไม่ได้เป็นมือวางเหมือนบิ๊กเนมคนอื่น

ออสตาเพนโก เกิดและเติบโตที่เมืองริกา ประเทศลัตเวีย ถูกเลี้ยงดูโดย เยฟเชนิส ออสตาเพนโก คุณพ่อซึ่งเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และ เยเลานา ยาคอฟเลวา ตอนเด็กๆใฝ่ฝันอยากเป็นนักเต้นลีลาศระดับอาชีพ จนถูกส่งไปเรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญและลงแข่งชิงแชมป์ระดับประเทศ ทว่าวันหนึ่งเมื่อได้ชมกีฬาเทนนิส และเห็น เซเรนา วิลเลียมส์ นักหวดมือแกร่งจากอเมริกา โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมบนคอร์ต ก็เปลี่ยนใจหันมาจับแร็กเกตเพราะชอบมากกว่าการเต้น และยกให้ เซเรนา เป็นต้นแบบ

ดาวรุ่งสาวชาวลัตเวียน สร้างผลงานหยิบแชมป์ระดับสมัครเล่นกับ ไอทีเอฟ ตั้งแต่ปี 2012 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับอาชีพอีก 2 ปีถัดมา เริ่มถูกจับตามองมากขึ้นเก็บแชมป์เยาวชนหญิง วิมเบิลดัน ปี 2014 แถมเคยเกือบได้แชมป์หญิงเดี่ยว WTA ถึง 3 ครั้ง 3 หนแต่ยังไม่สำเร็จ กระทั่งบรรลุผลกับถ้วย แกรนด์ สแลม รายการที่ 2 ของปีที่แดนน้ำหอม ซึ่งหลังแจ้งเกิดให้คนทั่วโลกรู้จัก สาวน้อยวัย 20 ปี เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความเพียรพยายามอย่างหนัก สู้อย่างไม่ย่อท้อจนมีวันนี้

“ไม่มีใครคอยสอนฉันหรอกว่าต้องทำอย่างไร สิ่งที่ฉันทำมีเพียงแค่เล่นอย่างสุดความสามารถและเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และฉันเชื่อเสมอว่าหากเล่นดีและมีโอกาสสร้างช็อตที่ยอดเยี่ยมก็สามารถเป็นแชมป์ได้” ออสตาเพนโก กล่าวหลังหยิบแชมป์และเงินรางวัล 1 ล้านยูโร (ประมาณ 38 ล้านบาท) เป็นเงินติดกระเป๋ากลับบ้าน

ศึก เฟรนช์ โอเพน ครั้งที่ 3 ในชีวิตของเธอ สร้างสถิติน่าจดจำว่าเป็นผู้เล่นที่ยิงลูกวินเนอร์ได้ 299 ลูก มากที่สุดในปีนี้ โดยรอบชิงเธอซัดลูกทีเด็ดใส่ ฮาเล็ป ได้ถึง 54 ลูก แต่สถิติตีเสียก็เยอะเป็นกระบุงรวมทั้งหมด 271 ลูก อย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นสัปดาห์ใหม่ เธอก็จะกระโดดจากอันดับ 47 ของโลก ขึ้นมาเป็นมือ 12 ของโลกฝั่ง WTA ทว่าสิ่งที่น่าสนใจกว่าคือหลังจากนี้ ออสตาเพนโก จะรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเพื่อเก็บกินแชมป์ระยะยาวเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆได้หรือไม่

ช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการหวดหญิง WTA มีผู้เล่นหน้าใหม่แจ้งเกิดคับคั่งเช่น การ์บีน มูกูรูซา แชมป์เก่าปีที่แล้วจากสเปน, ซิโมนา ฮาเล็ป ที่อกหักวืดแชมป์ แกรนด์ สแลม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า, ยูจินี บูชาร์ด รองแชมป์ วิมเบิลดัน ปี 2014 กระทั่ง แองเจลิค แคร์เบอร์ มือ 1 โลกคนปัจจุบันจาก เยอรมนี ที่ประสบความสำเร็จหยิบสแลม 2 รายการปีก่อน ทว่าก็ไม่มีใครยืนระยะได้ยาวเหมือนยุคสมัยที่พี่น้อง วีนัส-เซเรนา วิลเลียมส์ หรือ มาเรีย ชาราโปวา ส่วน ออสตาเพนโก ประกาศขอพิสูจน์ฝีมือเทียบชั้นผู้เล่นตำนานให้ได้ โดยเล็งที่เมเจอร์ต่อไปนั่นคือ วิมเบิลดัน ที่ อังกฤษ เริ่มต้น 3 กรกฏาคม นี้

สุดท้าย คริส เอเวิร์ต ตำนานนักหวดหญิงดีกรีมือ 1 โลกชาวอเมริกัน ที่เฝ้าจับตาดูผลงานของ ออสตาเพนโก มาตลอดทัวร์นาเมนต์ในฐานะคอมเมนเตเตอร์ทางทีวี กล่าวยกย่องฝีมือพร้อมปลุกใจให้นักหวดรุ่นใหม่ขึ้นมากอบโกยความสำเร็จก้าวผ่านกลุ่มรุ่นพี่ที่ทำไว้มาหลายปี และเชื่อว่าหากหวดลัตเวียน แก้ไขเรื่องการตีเสียที่มากเกินปกติได้ก็จะไปต่อได้ยาว “ปีนี้เราไม่ได้เห็นผู้เล่นระดับบิ๊กเนมปรากฏตัวมากนัก แต่บอกได้เลยว่าดาวดวงใหม่กำเนิดขึ้นแล้ว”