xs
xsm
sm
md
lg

โปรไทยใจเกินร้อย “แจ๊ส” อติวิชญ์ สร้างชื่อลุย “พีจีเอ ทัวร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - จากนี้ชื่อของ “โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ น่าจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับโลก หลังจากกลายเป็นคนไทยอีกรายที่ได้แข่ง พีจีเอ ทัวร์

อย่างที่ทราบกันดีว่ายากเย็นแสนเข็ญแค่ไหนกว่าที่นักกอล์ฟแต่ละคนจะคว้าการ์ดทัวร์ของสหรัฐอเมริกา ส่วน “โปรแจ๊ส” สวิงดาวรุ่งของไทยวัย 21 ปี ฉายแววเด่นจนเข้าตา บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม “ดีน แอนด์ เดลูกา” ผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ที่ตัดสินใจมอบสิทธิ์ให้จากโควตาที่ได้ปีละ 1 คนไปจนถึงปี 2021

แม้ว่าจะเป็นสิทธิ์ที่ได้จากสปอนเซอร์ แต่ว่าก็ต้องผ่านเกณฑ์ของ พีจีเอ ทัวร์ ซึ่ง อติวิชญ์ ที่เพิ่งคว้าแชมป์ MENA Tour รายการ "มหาสมุทร มาสเตอร์ส" เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีและภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนนักกอล์ฟไทยเข้าร่วมลงแข่งขันในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ เพซ และ ดีน แอนด์ เดลูก้า เป็นอย่างยิ่งที่มอบโอกาสดีๆ แบบนี้ โดยจะตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุด เล่นอย่างเต็มที่ และหวังว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทัวร์ระดับโลกมาพัฒนาการเล่นของตัวเองต่อๆ ไปในอนาคต”

สำหรับศึก พีจีเอ ทัวร์ รายการ “ดีน แอนด์ เดลูกา อินวิเตชันแนล” ชิงเงินรางวัลรวม 6.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 240 ล้านบาท) จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 พฤษภาคมนี้ ณ สนาม โคโลเนียล คันทรี คลับ ระยะ 7,204 หลา พาร์ 70 รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

ศึก “ดีน แอนด์ เดลูกา อินวิเตชันแนล” ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเก่าแก่ไม่น้อยเริ่มแข่งครั้งแรกเมื่อปี 1946 หรือ 71 ปีก่อน อายุนั้นเป็นรองเพียงแค่อีเวนระดับเมเจอร์เท่านั้น

"โปรแจ๊ส" ที่เทิร์นโปรเมื่อปี 2010 กล่าวถึงความกดดันที่ต้องแบกรับว่า "ผมเป็นนักกอล์ฟอาชีพอยู่แล้ว ดังนั้นยามลงเล่นแต่ละครั้งก็ต้องรับมือกับความกดดันถือเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการลงเล่นที่สหรัฐอเมริกาครั้งนี้ก็ย่อมกดดันกว่าเดิม เพราะเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ได้เล่น"

แม้อายุอานามจะแค่ 21 ปีแต่ "โปรแจ๊ส" ก็ถือว่ามีประสบการณ์ไม่น้อย โดยเก็บเกี่ยวมาตั้งแต่อายุ 14 ปี 71 วันที่กลายเป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ผ่านตัดตัวศึก เอเชียน ทัวร์ ที่จังหวัดนครปฐมเมื่อปีเดียวกับที่เทิร์นโปร ตามด้วยปี 2011 เล่นอีเวนต์ เจแปน กอล์ฟ ทัวร์ เป็นครั้งแรกในศึก "เอเชีย-แปซิฟิก พานาโซนิก โอเพน" ซึ่งก็สามารถผ่านตัดตัวก่อนจบที่อันดับ 65 ร่วม ส่วนแชมป์แรกคือ เอเชียน ทัวร์ รายการ "บังคลาเทศ โอเพน" เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017

ส่วนการเตรียมตัวลงเล่นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา "โปรแจ๊ส" เผยคงไม่เน้นซ้อมอะไรมากเป็นพิเศษ แต่จะศึกษาสนามที่ค่อนข้างสั้นและมีความแคบ "การซ้อมการเตรียมตัวก็คงไม่เน้นอะไรมาก แต่จะเน้นดูเรื่องสนามให้มากหน่อย เพราะเป็นสนามที่ไม่เคยเล่นมาก่อน แถมเป็นที่สหรัฐอเมริกาด้วยน่าจะแตกต่างจากที่ยุโรปกับที่เอเชียที่เราเล่นพอสมควร โค้ชก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้วแนะนำแค่ตีให้ตรงเอาไว้ก่อนเพราะสนามสั้นและแคบมาก"

แชมป์เก่าของศึก “ดีน แอนด์ เดลูกา อินวิเตชันแนล” ได้แก่ จอร์แดน สปีธ อดีตมือ 1 ของโลกความหวังของเจ้าถิ่นที่มีดีกรีแชมป์ระดับเมเจอร์ 2 รายการ ซึ่งเด็กหนุ่มจากกรุงเทพฯ เผยว่าไม่มีนักกอล์ฟคนใดที่อยากเจอหรือต้องการร่วมก๊วนด้วย "ส่วนตัวแล้วก็ไม่อยากจะเล่นร่วมก๊วนกับใครมากเป็นพิเศษ ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนเป็นมือดังๆ ทั้งสิ้น โดยไปถึงก็อยากจะใช้เวลาปรับตัวและเน้นศึกษาสนามให้มากเป็นพิเศษเท่านั้น เพราะถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"

นอกจากสนามที่กังวล "โปรแจ๊ส" ยังห่วงเรื่องเจ็ตแล็ก เพราะระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคมต้องแข่ง เอเชียน ทัวร์ ที่ประเทศไทยรายการ "ไทยแลนด์ โอเพน ครั้งที่ 46" ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) พร้อมเงินรางวัลรวม 300,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10.5 ล้านบาท) ณ สนาม ไทย คันทรี คลับ จังหวัดฉะเชิงเทรา

"โปรแจ๊ส" ที่เคยคว้าอันดับ 4 ร่วมศึก "ไทยแลนด์ โอเพน" เมื่อปี 2015 ทิ้งท้ายว่า "รายการที่บ้านเกิดในฐานะคนไทยถือว่าสำคัญแน่นอน ใครก็อยากมีเกียรติมีชื่อว่าเคยได้แชมป์ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกันก็อยากจะทำให้ดีที่สุด จากนั้นคืนวันเดียวกันก็จะไปที่สนามบินเพื่อเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาทันทีถึงวันจันทร์ก็น่าจะมีเวลาประมาณ 2-3 วันในการปรับตัวก็คงมีเจ็ตแล็กบ้างเล็กน้อย แต่เหนืออื่นใดก็จะพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดสมกับที่ได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้"

เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
ได้รับสิทธิ์จาก บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชัน จำกัด
ลุ้นสร้างชื่อให้ไทย
ประสบการณ์ไม่ธรรมดาในวัย 21 ปี
โทรฟีย์ “ดีน แอนด์ เดลูกา อินวิเตชันแนล”
กำลังโหลดความคิดเห็น