ถือว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อย สำหรับสโมสรที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2009 อย่าง ไลป์ซิก เพราะล่าสุดคว้าสิทธิ์ลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก จากเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน ได้อย่างยิ่งใหญ่
ไลป์ซิก บุกถล่ม แฮร์ธา เบอร์ลิน 4-1 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้มี 66 แต้ม จาก 32 นัด เหลือโปรแกรมอีก 2 นัดการันตีท็อปทรีแน่นอน เพราะอันดับ 4 คือ ฮอฟเฟนไฮม์ ตามถึง 8 แต้ม ทำให้ไม่มีทางไล่ทัน จึงได้ตั๋วรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แบบอัตโนมัติ
ภายหลัง ราล์ฟ รังนิก ผู้อำนวยการด้านกีฬาของ ไลป์ซิก กล่าวว่า “ตอนออกสตาร์ทซีซันเราคุยกันเรื่องหนีตกชั้นอยู่เลย แต่แน่นอนเมื่อได้ลุย แชมเปียนส์ ลีก เราก็จะต้องเติมความแข็งแกร่ง โดยน่าจะมีแข้งหน้าใหม่ 3 - 4 รายเข้ามา ซึ่งก็น่าจะพอ ทว่า ผมก็ไม่รู้หรอก จริงๆ อาจจะ 5 - 6 รายด้วยซ้ำ อีกทั้งอาจต้องมีนักเตะต่างชาติด้วย”
ไลป์ซิก เกิดขึ้นจากแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull GmbH ที่ซื้อสิทธิ์มาจาก มาร์กรานสตาดต์ สโมสร ดิวิชัน 5 ทำให้ฉายาก็ย่อมคือ “กระทิงสีแดง” (Die Roten Bullen) แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชมวิสัยทัศน์ของ รังนิก วัย 58 ปีที่ก่อนหน้านี้เคยมีประสบการณ์คุม สตุ๊ตการ์ท กับ ชาลเก 04 มาแล้ว
ดาวเด่นของทีมคือ ติโม เวอร์เนอร์ กองหน้าที่กดไปแล้ว 19 ประตูในลีกเมืองเบียร์ รวมถึง เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ที่ทำไป 16 แอสซิสต์ส มากที่สุดในลีกเวลานี้
โดยซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไลป์ซิก ลงทุนมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ 13 ล้านปอนด์ (ประมาณ 585 ล้านบาท) คว้า โอลิเวอร์ เบิร์ก มิดฟิลด์เลือดสกอต วัยแค่ 20 ปี มาจาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่ถือเป็นการตัดหน้าทีมดังของยุโรปมากมาย