“ต็อตติ” ปิดตำนาน “เจ้าชายหมาป่า” ผู้ขายวิญญาณให้ “โรมา”

เอเยนซี - ถือเป็นข่าวที่ทำสาวก “หมาป่าแห่งกรุงโรม” โรมา ใจหายไม่น้อย เพราะปีหน้าจะไม่ได้เห็น ฟรานเชสโก ต็อตติ ลงวาดลวดลายจากการที่เจ้าตัวเตรียมประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อฤดูกาลนี้รูดม่านปิดฉากเป็นอันสิ่งสุด 25 ซีซันที่ค้าแข้งอย่างเป็นทางการ

ต็อตติ ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคมปี 1993 หรือ 24 ปีก่อน ครั้งนั้นอายุแค่ 16 ปีเป็นเกมที่พบกับ เบรสชา ซึ่งก็ฉายแววความเป็นผู้นำ ทำให้เมื่ออายุ 22 ปีในปี 1998 ได้เป็นกัปตันทีม โรมา ซึ่งถือเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ได้สวมปลอกแขนสโมสรเวที กัลโช เซเรีย อา หรือ 1 ปีก่อนที่จะคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีไปครอง

เวลานั้น ต็อตติ ยังไม่ได้สัมผัสเกียรติยศใดๆ ทั้งสิ้นในระดับสโมสร แต่ได้ติดทีมชาติอิตาลีไปลุยศึก ยูโร 2000 ซึ่งถือเป็นทัวร์นาเมนต์นานาชาติระดับซีเนียร์ครั้งแรกในชีวิต หลังปี 1996 ได้แชมป์ ยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ก่อนจบที่รองแชมป์จากการที่รอบชิงชนะเลิศที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงสุดท้ายแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ที่ได้ประตูชัยจากโกลเดนโกล

กลับมาที่ระดับสโมสร โรมา เวลานั้นห่างแชมป์ สคูเด็ตโต มานานนับตั้งแต่ปี 1983 ได้ ฟาบิโอ คาเปลโล มาคุมทัพเมื่อปี 1999 ค่อยๆ สร้างทีมภายใต้แนวรุกอย่าง วินเซนโซ มอนเตลลา กับ กาเบรียล บาติสตา โดยมี ต็อตติ เป็นหัวใจสำคัญ ก่อนจบด้วยตำแหน่งแชมป์ฤดูกาล 2000-01 เหนือ ยูเวนตุส 2 แต้มถือเป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ทีม

ยุคทศวรรษ 90 ถึง 2000 ต็อตติ คือหัวใจสำคัญหรือจอมทัพของ โรมา อย่างแท้จริง โดยใกล้เคียงกับการเป็นแชมป์ลีกอีกถึง 8 ครั้ง ส่วน โคปปา อิตาเลีย ได้มาครอง 2 ครั้งปี 2007 กับ 2008 รวมถึงรองแชมป์อีก 5 ครั้ง ซึ่งนักเตะหมายเลข 10 ก็ได้รางวัลนักฟุตบอลแห่งปี 2 สมัยบวกกับนักฟุตบอลอิตาเลียนแห่งปีอีก 5 สมัย

สำหรับบทบาทที่ ต็อตติ ได้รับนั้นไม่ใช่ว่าใครจะสามารถมาเล่นได้ง่ายๆ เพราะต้องมีเทคนิคประกอบกับพรสวรรค์ นักเตะอิตาลีที่ทำได้ก็มี อาทิ โรแบร์โต บาจโจ กับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร โดยเราเรียกผู้เล่นในตำแหน่งนี้ว่า “false-9” ซึ่งสมัยนี้แทบจะหาคนที่เล่นแบบนี้ไม่ได้แล้ว ทำให้ทีมชาติต้องเปลี่ยนระบบไปตามศักยภาพนักเตะ

คำอธิบาย “false-9” ที่ ต็อตติ รับผิดชอบได้อย่างไร้ที่ติก็คือ “กองหน้าตัวหลอก” โดยทีมที่ใช้ระบบนี้จะไม่มีหน้าเป้า แต่จะใช้ดาวยิงตัวกว้างที่อยู่ริมเส้น, ปีก หรือกองกลาง สอดเข้าทำประตูแทน ดังนั้นคนที่เล่นตำแหน่งนี้จะดึงกองหลังคู่ต่อสู้ให้หลุดออกมา นอกจากนี้ต้องเชื่อมเกม ลงต่ำไม่ค้ำแดนหน้า คอยคุมจังหวะว่าจะเล่นช้าหรือเร็ว

นอกจากนี้ ต็อตติ เหมาหมดไม่ว่าจะเป็นฟรีคิกหรือจุดโทษ โดยฤดูกาลที่พีกสุดขีดเคยกดไปถึง 26 ประตูในลีกฤดูกาล 2006-07 ซึ่งก็สามารถคว้าดาวซัลโวมาครองได้ด้วยในปีดังกล่าว รวมแล้วยิงให้ โรมา ไปทั้งสิ้น 307 ประตูจาก 783 นัดรวมทุกรายการ รวมแล้วเป็นอันดับ 2 ยิงสูงสุดในลีกมะกะโรนีที่จำนวน 250 ลูกตามหลัง ซิลวิโอ ปิโอลา ที่ทำเอาไว้ 274 ลูก ส่วนลงเล่นนั้นเป็นอันดับ 3 รือ 616 นัดตาม เปาโล มัลดินี ที่ทำไว้สูงสุด 647 นัด

น่าเสียดายที่ ต็อตติ ไม่ค่อยมีความทรงจำระดับถ้วยสโมสรยุโรปหรือ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก กับ โรมา มากนัก โดยรางวัล "บัลลงดอร์" หรือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป ดีที่สุดคือคว้าอันดับ 5 เมื่อปี 2001 ตามหลังคนที่ได้ "บอลทอง" ในปีนั้นก็คือ ไมเคิล โอเวน กองหน้าของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล

ส่วนทีมชาติอิตาลี ต็อตติ ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตได้แชมป์ เวิลด์ คัพ เมื่อปี 2006 จากนัดชิงที่สามารถล้างตาเอาชนะ ฝรั่งเศส จากการดวลจุดโทษ 5-3 หลังจาก 120 นาทีเสมอกัน 1-1 โดย "เจ้าชายหมาป่า" ได้ออกสตาร์ทในเกมดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตามหลังจากแขวนสตั๊ด ต็อตติ ในวัย 40 ปีนั้นไม่ได้หายไปไหน ซึ่งก็เหมือนกับตำนานคนอื่นๆ ที่เล่นให้สโมสรเดียวตลอดชั่วชีวิต โดยจะโผล่มาที่สนามชมเกมของ โรมา บ่อยครั้งในฐานะผู้อำนวยการที่ใส่สูทผูกไทไม่ใช่เสื้อสีเลือดหมูชุ่มเหงื่ออีกต่อไป