"นกกระจิบ ศิษย์พ่อแอ๊ด" อานนท์ พลกระโทก อดีตแชมป์เก่า 3 สมัย นำทัพ 12 นักมวยไทยเหินฟ้าลุยศึกชิงแชมป์โลก ศึก "อิฟม่า เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ" ที่เบลารุส ด้าน ผศ.สุรัตน์ เสียงหล่อ เฮดโค้ชหวังแค่ 5 เหรียญทองเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวทัพนักมวยไทยสมัครเล่นทีมชาติไทย ชุดเตรียมสู้ศึกการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก 2017 รายการ "อิฟม่า เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ" ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ณ กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผศ.สุรัตน์ เสียงหล่อ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย, นายขจร พราวศรี ผู้จัดการทีมชาติ และ พล.อ.ต. มังกร เสมารัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ได้พานักมวยไทยทั้งหมด 12 คนแยกเป็นนักชกชาย 9 คน และนักมวยหญิงอีก 3 คน นำทัพโดย "นกกระจิบ ศิษย์พ่อแอ๊ด" อานนท์ พลกระโทก อดีตแชมป์เก่ารายการนี้ 3 สมัยรุ่น 51 กก. ในฐานะกัปตันทีม และ "ซุปเปอร์บอล บัญชาเมฆ" หรือ ศุภชัย หมื่นสังข์ ยอดนักมวยไทยชื่อดัง ดีกรีเหรียญทองเมื่อปีที่แล้ว รุ่น 71 กก.ได้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเที่ยวบิน เอสยู 273 เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามบินเซเรเมเตียโว กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย จากนั้นต้องรอต่อเครื่องอีก 4 ชม.ด้วยเที่ยวบิน เอสยู 1841 เพื่อไปยังสนามบินมินส์ ประเทศเบลารุส สังเวียนการชิงชัยในครั้งนี้
ทั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ผศ.สุรัตน์ เฮดโค้ชทีมชาติไทย เปิดเผยว่า นักชกชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างตัวเก่าที่เรามีอยู่กับดาวรุ่งดวงใหม่ที่พอมีแวว ซึ่งทุกคนล้วนผ่านประสบการณ์และเวทีต่างๆมาอย่างโชกโชน ยิ่งการแข่งขันรายการนี้เป็นแมตช์ใหญ่ระดับโลก แน่นอนว่า นักมวยไทยจากทั่วโลกทั้งทวีปยุโรปและอีกหลายชาติในเอเชียเองจะส่งนักกีฬาที่ดีที่สุดมาล่าเหรียญรางวัลกันเต็มที่ โดยเฉพาะชาติสำคัญอย่าง รัสเซีย, คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน และ เบลารุส เจ้าภาพ มีนักมวยไทยฝีมือดีอยู่จำนวนมิใช่น้อย เนื่องจากประสบการณ์เมื่อปีที่แล้ว ณ ประเทศสวีเดน ตัวเองได้ตั้งความหวังเอาไว้ถึง 9 เหรียญทอง แต่ท้ายที่สุดแล้วนักชกไทยสามารถทำมาได้แค่ 6 เหรียญทองกับ 3 เหรียญเงินเท่านั้น ถือว่า ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่า แต่ละชาติมีการพัฒนาดีขึ้นมาก ในมุมกลับกันใช่ว่า เราเป็นต้นตำรับกีฬาชนิดนี้แล้วจะแพ้เขาไม่ได้
ส่วนความหวังในครั้งนี้ตัวเองตั้งเป้าเอาไว้ที่ 5 เหรียญทอง สาเหตุเกิดจากนักมวยไทยทั้งหมดมีเวลาเก็บตัวแค่ 1 เดือนเท่านั้น จากเดิมกำหนดไว้ 2 เดือน แต่เนื่องจากนักชกส่วนใหญ่ต้องรับใช้ต้นสังกัดของเขาเอง ในศึกมวยไทยชิงแชมป์ประเทศไทยประจำปี 2560 ที่เพิ่งปิดฉากลงไป และบางคนก็ต้องเดินสายตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ จึงทำให้การเพิ่มเติมเทคนิคไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นว่า เป้าหมายที่วางไว้ไม่ไกลเกินเอื้อม โดยเฉพาะนักมวยไทยความหวังสำคัญของเราก็คือ รุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กก. "วิทยาเล็ก เพชรสี่หมื่น" ทิวากร ชอบทำกิจ, รุ่นฟลายเวท 51 กก. "นกกระจิบ ศิษย์พ่อแอ๊ด" อานนท์ พลกระโทก, รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ คำทา, รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท 63.5 กก. "หยกวิทยา เพชรสี่หมื่น" ฤทัยพันธ์ ทรัพย์มะณี และ รุ่นไลท์มิดเดิลเวท 71 กก. "ซูปเปอร์บอล บัญชาเมฆ" ศุภชัย หมื่นสังข์
ขณะที่นักมวยไทยหญิงของเราทั้ง รุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กก. "โลมา ลูกบุญมี" สุภิสรา คนหลัก, รุ่นฟลายเวท 51 กก. "น้องแป้ง สส.ปกรณ์" อภัสรา โกศล และ รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. "สาวสิงห์ ม.รัตนบัณฑิต" รัชฎาพร วิหารธรรมเม คงจะใช้ความสามารถที่มีอยู่คว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งกลับมาได้ แต่ถ้าทะลุไปถึงรอบชิงฯและคว้าเหรียญทองมาจะเกินเป้าหมายที่วางไว้ ก็ถือว่า เป็นโบนัสของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทั้งหมดที่ได้ช่วยกันทุ่มเทและตั้งใจทำงานหนักมาตลอด ส่วนในเรื่องของน้ำหนักตัวนักชกแต่ละคนนั้น เวลานี้ตัวเองให้ขึ้นลงได้คนละไม่เกิน 1-2 กก. เพราะยิ่งเจออากาศหนาวอาจมีปัญหาก็เป็นได้
ทั้งนี้ศึกมวยไทยชิงแชมป์โลก รายการ "อิฟม่า เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ" จะเริ่มทำการแข่งขันในวันที่ 6-12 พฤษภาคม ณ ประเทศเบลารุส