ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 – หลังจากฝุ่นตลบราว 2 สัปดาห์พายุก็สงบ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เดินหน้าต่อไปเพื่อพัฒนาทีมชาติไทย ทันทีที่หมดยุค “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งโค้ช
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การนำของ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แถลงข่าวลงนามเซ็นสัญญากับ บริษัท เอคโคโน เมธอด ซอคเกอร์ เซอร์วิส (Ekkono Method Soccer Services)
สำหรับ เอคโคโน เป็นบริษัทการจัดการและวางรากฐานฟุตบอลระดับเยาวชนของประเทศสเปนที่ก่อตั้งมายาวนานถึง 50 ปี และมีการทำงานร่วมกับสโมสรดังมากมายไม่ว่าจะเป็น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมจาก ลีก เอิง ประเทศฝรั่งเศส และทีมเยาวชนของประเทศญี่ปุ่น
จากนี้น่าจะเห็นบทบาทของ เอคโคโน มากขึ้น เพราะจะเข้ามาทำงานร่วมกับ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อวางรากฐาน ระบบ และสร้างวิธีการเล่นให้เป็นเอกลักษณ์สำหรับฟุตบอลไทยภายใต้คอนเซ็ปที่มีการโปรโมตไปแล้วคือ “ไทยแลนด์เวย์” (Thailand’s Way)
เรื่องนี้ “โค้ชเฮง” ได้เปิดเผยว่า “ไทยแลนด์เวย์” ไม่ใช่แค่สไตล์การเล่นเท่านั้น แต่เป็นระบบที่ถูกกำหนดไว้ โดยจะเริ่มวางรากฐานตั้งแต่รุ่นเด็กให้มีสไตล์การเล่นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกชุด ส่วนเจ้าหน้าที่และสตาฟฟ์โค้ชจะมีการทำงานแลกเปลี่ยนผสมผสานกันทุกรุ่นเพื่อผลิตนักเตะก้าวสู่ระดับทีมชาติชุดใหญ่
ตัวอย่างเช่น เอคโคโน จะมีหน้าที่คิดว่าทำอย่างไรในการที่จะนำส่วนด้อยของนักฟุตบอลไทยที่มีรูปร่างค่อนข้างเล็กเปลี่ยนเป็นความรวดเร็ว ดุดัน และต้องคิดเร็วทำเร็วตัดสินใจเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้ายหรือจังหวะทีเด็ดทีขาด
สมยศ ในฐานะนายกสมาคมลูกหนังไทย ได้มอบหมายให้ “โค้ชเฮง” ทำงานร่วมกับ เอคโคโน โดยมีหน้าที่ตรวจสอบโครงสร้างต่างๆ รวมถึงกำหนดหัวข้อ เช่น ฟุตบอลสไตล์ไหนเหมาะที่สุด จากนั้นก็เขียนแผนการทำงานนำเสนอมาว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ต้องศึกษาดูงาน หรืออุ่นเครื่องกับทีมใด
เหนืออื่นใดเลยคือ “โค้ชเฮง” จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบในขั้นต้นก่อนว่าโครงการที่นำเสนอนั้นสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้หรือเรียกได้ว่าลูกหนังสมัยนี้ออกแบบได้ สุดท้ายก็นำมาพัฒนาต่อยอดสู่อนาคตต่อไป
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่ เอคโคโน ถูกดึงเข้ามาก็คือ “โค้ชเฮง” ต้องการล้างระบบอุปถัมภ์ที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทยที่ผ่านมาหรือจะเรียกว่าเด็กเส้นก็คงไม่แปลกนัก เหนืออื่นใดก็เพื่อให้มีการพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น
“โค้ชเฮง” กล่าวว่า “สมาคมกีฬาฟุตบอลและผมได้ตัดสินใจเลือกบริษัท เอคโคโนเข้ามาทำระบบเยาวชน เพราะจะได้ลบคำครหาในเรื่องของการคัดตัวผู้เล่น ซึ่งแต่ก่อนจะมีปัญหาว่าในการคัดตัวแต่ละครั้งจะมีการดึงเด็กใครเด็กมันเข้ามาร่วมทีม เลยใช้เอคโคโนในการจัดการในส่วนของตรงนี้”
ของแบบนี้ไม่สามารถที่จะใจร้อนได้ โดยเป้าหมายแรกจากนี้ที่สามารถจับต้องได้ “โค้ชเฮง” เผยว่าต้องการที่จะให้นักฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีผ่านเข้ารอบไปแข่งขัน “เวิลด์ คัพ” ปี 2021 เพราะหมายถึงการสร้างเยาวชนเช่น โปรตุเกส หรือ อาร์เจนตินา เคยทำสำเร็จมาแล้ว ไม่แน่นักเตะชุดนั้นอาจจะเป็นรากฐานสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2026 ที่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ตั้งความหวังเอาไว้ก็เป็นไปได้ ประกอบกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ได้ประกาศเพิ่มรอบสุดท้ายเป็น 48 ชาติ ยิ่งเหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสให้ “ช้างศึก” สร้างประวัติสาสตร์ไปฟุตบอลโลกครั้งแรกในสยามประเทศ
เรียกได้ว่าทั้งหมดที่กล่าวมานี้ลงลึกไปถึงรายละเอียด ดังนั้นตอนนี้ใครที่คิดภาพเอาไว้ว่าทีมชาติไทยต่อไปจะเล่นระบบ 4-2-3-1 หรือ 3-5-2 นั้นยังเร็วเกินไป เนื่องจากยังไม่สามารถกำหนดได้
ทั้งหลายทั้งปวงถือว่ามีแนวโน้มที่ดี แต่ก็มีคำถามอีกว่ากว่า Thailand’s Way จะสัมฤทธิ์ผล เพราะทุกอย่างต้องอาศัยรากฐานและระยะเวลา แต่เมื่อนั้น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งจีน จะก้าวนำหน้าเราไปแค่ไหนแล้ว เนื่องจากไม่มีใครอยู่นิ่งและย่ำอยู่กับที่แน่นอน