คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ในวันที่ยังหาความชัดเจนเรื่องผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลไทยชุดใหญ่ ไม่ได้ข้อยุติ และรู้สึกเบื่อกับการทำสงครามน้ำลายระหว่างอดีตโค้ช กับผู้บริหารยุคปัจจุบัน เลยคิดว่าเราน่าจะเหลือบชำเลืองมองดูวงการฟุตบอลเพื่อนบ้านข้างๆ เราอย่าง มาเลเซีย ที่เพิ่งได้นายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่ ตวนกู อิสมาอีล อิดรีส มกุฎราชกุมารแห่งรัฐยะโฮร์ ที่พ่วงตำแหน่งประธานสโมสร ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม เอฟซี ซึ่งวันแรกที่ผู้นำวงการลูกหนังแดนเสือเหลือง ออกมาพบสื่อมวลชน ก็มีเรื่องให้ตกใจกับวิกฤติการเงินที่ติดลบกว่า 300 ล้านบาท โดยที่ไม่มีเงินเหลือติดสมาคมไว้เลย ทำให้ช่วงต้นของการรับตำแหน่งคือการตระเวณหาผู้สนับสนุนรายต่างๆ สำหรับการนำเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียน ฟังไปมันก็รู้สึกว่าคุ้นๆ ว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นในวงการลูกหนังบ้านเรานี่แหละ
โดย "เจ้าชายยะโฮร์" เริ่มต้นเข้าสู่วงการลูกหนังด้วยการเรียกร้องของแฟนบอลสโมสร ยะโฮร์ ว่าเกิดการตกต่ำของทีม จึงเดินทางมาชมเกมของสโมสรที่สนามเหย้า เจอกับแฟนบอลดูแล้วคงไม่เกิน 30 คน ที่มาเชียร์ทีมที่เวียนวนอยู่ท้ายตาราง ก่อนจะเทคโอเวอร์แล้วเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม เอฟซี และยกเครื่องทีมใหม่ด้วยเงินทุนมหาศาลอีกทั้งปรับแนวนโยบายใหม่ด้วยการให้ความสำคัญกับอคาเดมีปั้นนักเตะเพื่อขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ไม่เพียงแค่นั้น วงการฟุตบอลเสือเหลืองยังขึ้นชื่อเรื่องข่าวคราวการล้มบอล จึงมีการจัดตั้งหน่วยพิเศษที่คอยสอดส่องดูแลนักเตะ และทีมงานเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้น
จากทีมที่วุ่นวายกับการหนีตกชั้นทุกปี กลายมาเป็นทีมแชมป์ลีกปี 2014 ต่อด้วยการป้องกันแชมป์ในปีถัดมา แถมยังประสบความสำเร็จแบบสุดๆ ด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ "เอเอฟซี คัพ 2015" เป็นสโมสรเดียวจากอาเซียน ที่คว้าถ้วยแชมป์รายการนี้ ซึ่งการได้รับตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย ในครั้งนี้ถือเป็นย่างก้าวที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ถึงพัฒนาการที่กำลังจะเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลประเทศเพื่อนบ้าน
โดย ตวนกู อิสมาอีล ยอมรับว่า "ไทยลีก" คือลีกที่น่าสนใจ และไม่จำเป็นต้องไปดูงานถึงลีกยุโรปอันแสนไกล เพราะมาตรฐานหลายๆ อย่างของลีกไทย กำลังเข้ารูปเข้ารอย และจะเป็นต้นแบบของลีกมาเลเซีย "ลองมองที่ประเทศไทย พวกเขามีลีกที่เข้มข้น การจัดการมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น นั่นส่งผลดีกับทีมชาติไทย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ดี วงการฟุตบอลของพวกเขาก็ดีตามไปด้วย และเราก็จะไปให้ถึงจุดนั้นเช่นกัน"
ทั้งนี้ประมุขลูกหนังแดนเสือเหลือง ยังปรับโครงสร้างการทำงานของสมาคมฟุตบอลของตนด้วยการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ 20 คน พร้อมเปลี่ยนโลโก้ และชื่อทีมชาติจาก "ฮาริเมา มาเลเซีย" เป็น "ฮาริเมา มาลายา" อีกทั้งยังมีเพลงประจำทีมชาติใหม่ด้วย ซึ่งดูไปก็คล้ายๆ กับการทำงานของสมาคมฟุตบอลบ้านเราไม่น้อย ที่ไล่ปรับเปลี่ยนตั้งแต่ชื่อลีก โลโก้ลีก โครงสร้างลีก รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างประกวดโลโก้ทีมชาติภายหลังการไปดูงาน "เจลีก" แห่งญี่ปุ่น
ที่สำคัญดูเหมือนว่า นายกลูกหนังมาเลเซีย เองก็มีเป้าหมายคล้ายๆ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลไทย ที่ประกาศจะไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายในปี 2026 ที่จะมีการปรับเพิ่มโควต้าทวีปเอเชียเพิ่มเป็น 8 ทีม คงต้องมาดูกันว่า สองชาติที่มีพรมแดนติดกันจะทำสำเร็จได้หรือไม่ เมื่อถึงตอนนั้น...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ในวันที่ยังหาความชัดเจนเรื่องผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลไทยชุดใหญ่ ไม่ได้ข้อยุติ และรู้สึกเบื่อกับการทำสงครามน้ำลายระหว่างอดีตโค้ช กับผู้บริหารยุคปัจจุบัน เลยคิดว่าเราน่าจะเหลือบชำเลืองมองดูวงการฟุตบอลเพื่อนบ้านข้างๆ เราอย่าง มาเลเซีย ที่เพิ่งได้นายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่ ตวนกู อิสมาอีล อิดรีส มกุฎราชกุมารแห่งรัฐยะโฮร์ ที่พ่วงตำแหน่งประธานสโมสร ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม เอฟซี ซึ่งวันแรกที่ผู้นำวงการลูกหนังแดนเสือเหลือง ออกมาพบสื่อมวลชน ก็มีเรื่องให้ตกใจกับวิกฤติการเงินที่ติดลบกว่า 300 ล้านบาท โดยที่ไม่มีเงินเหลือติดสมาคมไว้เลย ทำให้ช่วงต้นของการรับตำแหน่งคือการตระเวณหาผู้สนับสนุนรายต่างๆ สำหรับการนำเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียน ฟังไปมันก็รู้สึกว่าคุ้นๆ ว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นในวงการลูกหนังบ้านเรานี่แหละ
โดย "เจ้าชายยะโฮร์" เริ่มต้นเข้าสู่วงการลูกหนังด้วยการเรียกร้องของแฟนบอลสโมสร ยะโฮร์ ว่าเกิดการตกต่ำของทีม จึงเดินทางมาชมเกมของสโมสรที่สนามเหย้า เจอกับแฟนบอลดูแล้วคงไม่เกิน 30 คน ที่มาเชียร์ทีมที่เวียนวนอยู่ท้ายตาราง ก่อนจะเทคโอเวอร์แล้วเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม เอฟซี และยกเครื่องทีมใหม่ด้วยเงินทุนมหาศาลอีกทั้งปรับแนวนโยบายใหม่ด้วยการให้ความสำคัญกับอคาเดมีปั้นนักเตะเพื่อขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ไม่เพียงแค่นั้น วงการฟุตบอลเสือเหลืองยังขึ้นชื่อเรื่องข่าวคราวการล้มบอล จึงมีการจัดตั้งหน่วยพิเศษที่คอยสอดส่องดูแลนักเตะ และทีมงานเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้น
จากทีมที่วุ่นวายกับการหนีตกชั้นทุกปี กลายมาเป็นทีมแชมป์ลีกปี 2014 ต่อด้วยการป้องกันแชมป์ในปีถัดมา แถมยังประสบความสำเร็จแบบสุดๆ ด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ "เอเอฟซี คัพ 2015" เป็นสโมสรเดียวจากอาเซียน ที่คว้าถ้วยแชมป์รายการนี้ ซึ่งการได้รับตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย ในครั้งนี้ถือเป็นย่างก้าวที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ถึงพัฒนาการที่กำลังจะเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลประเทศเพื่อนบ้าน
โดย ตวนกู อิสมาอีล ยอมรับว่า "ไทยลีก" คือลีกที่น่าสนใจ และไม่จำเป็นต้องไปดูงานถึงลีกยุโรปอันแสนไกล เพราะมาตรฐานหลายๆ อย่างของลีกไทย กำลังเข้ารูปเข้ารอย และจะเป็นต้นแบบของลีกมาเลเซีย "ลองมองที่ประเทศไทย พวกเขามีลีกที่เข้มข้น การจัดการมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น นั่นส่งผลดีกับทีมชาติไทย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ดี วงการฟุตบอลของพวกเขาก็ดีตามไปด้วย และเราก็จะไปให้ถึงจุดนั้นเช่นกัน"
ทั้งนี้ประมุขลูกหนังแดนเสือเหลือง ยังปรับโครงสร้างการทำงานของสมาคมฟุตบอลของตนด้วยการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ 20 คน พร้อมเปลี่ยนโลโก้ และชื่อทีมชาติจาก "ฮาริเมา มาเลเซีย" เป็น "ฮาริเมา มาลายา" อีกทั้งยังมีเพลงประจำทีมชาติใหม่ด้วย ซึ่งดูไปก็คล้ายๆ กับการทำงานของสมาคมฟุตบอลบ้านเราไม่น้อย ที่ไล่ปรับเปลี่ยนตั้งแต่ชื่อลีก โลโก้ลีก โครงสร้างลีก รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างประกวดโลโก้ทีมชาติภายหลังการไปดูงาน "เจลีก" แห่งญี่ปุ่น
ที่สำคัญดูเหมือนว่า นายกลูกหนังมาเลเซีย เองก็มีเป้าหมายคล้ายๆ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลไทย ที่ประกาศจะไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายในปี 2026 ที่จะมีการปรับเพิ่มโควต้าทวีปเอเชียเพิ่มเป็น 8 ทีม คงต้องมาดูกันว่า สองชาติที่มีพรมแดนติดกันจะทำสำเร็จได้หรือไม่ เมื่อถึงตอนนั้น...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *