“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์ ร่ายยาวถึงการตัดสินใจลาออก ว่า รับไม่ได้ที่เมื่อทำทีมพ่ายแพ้แล้วโดนด่า เผยอีก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมลูกหนัง จะกลายเป็นเสือกระดาษ เพราะการมาของ “เอคโคโน” ถามโค้ชไทยคนไหนจะกล้ารับคุม “ช้างศึก”
ภายหลัง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย หลังจากเก็บได้แต้มเดียวจากการแข่งขัน 7 นัด ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ซึ่งล่าสุด “ซิโก้” กล่าวเปิดใจถึงสาเหตุของการอำลาตำแหน่งในครั้งนี้
“วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ผมยุติการเป็นโค้ชทีมชาติไทย เพื่อให้สมาคมฟุตบอลฯได้เดินต่อ เพราะเราคิดว่าเราเป็นตัวปัญหาเรื่องนี้ เมื่อไม่ได้ดั่งใจแฟนบอล ขอโทษที่ไม่สามารถพาทีมไปฟุตบอลโลกได้ภายในปีเดียว นักฟุตบอลของเรากำลังบ่มเพาะประสบการณ์ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ความต้องการมันสูงเกินไป มันเดินต่อยาก จึงเปิดทางให้คนอื่นทำงานต่อดีกว่า จริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะลาออก สำหรับผมแล้วไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร กีฬามีแพ้ มีชนะ มีเสมอ เราชนะตลอดไปไม่ได้ แต่นักฟุตบอลเราเขาชนะใจแฟนบอลได้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าสมาคมคิดอย่างไร ไม่บอกผมตรงๆ รีรออะไรอยู่หรือเปล่า ก็เลยให้คนอื่นมาทำดูดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไร”
“จำได้ไหม ผมทำทีมชาติมาตั้งแต่มีคนดูแค่ 200 คน นักฟุตบอลแต่ละคนก็ไม่ได้เป็นตัวจริงสโมสร มาจากนักเตะโนเนมทั้งนั้น กระทั่งวันนี้นักฟุตบอลทีมชาติกลายเป็นดาราดัง นักฟุตบอลภายใต้การดูแลของผม ต้องสั่งสอนให้เขาอ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่หยาบ เมื่อเราชนะ ทุกคนก็เป็นฮีโร่ด้วยกัน”
“คนประเมินผลงาน คือ นายกสมาคมฯ สภากรรมการ ตอนนี้เมสซีเจได้ไปค้าแข้งเจลีก หลายคนก็มีพัฒนาการที่ดี ไม่กลัวนักเตะทีมชั้นนำระดับเอเชีย เราได้แชมป์อาเซียน แชมป์ซีเกมส์ เราได้มาหมดแล้ว แต่ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย ในทีมชุดนี้ไม่มีใครเคยไปเลย เราต้องไปให้ได้บ่อยๆ เสียก่อน เหมือนว่าทุกคนจะลืมว่าตัวเองเป็นใคร ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ใครๆ ก็อยากไป แต่เราต้องรู้จักตัวเอง ฟุตบอลแพ้แล้วอยากจะด่าใครก็ได้หรือ ส่วนตัวผมไม่มีปัญหา เพราะผมไม่ได้สนใจโลกโซเชียล ผมทำงานทุกวัน ต้องไปดูฟุตบอล เมื่อก่อนไม่มีนักฟุตบอลคนไหนอยากเล่นทีมชาติ เพราะเล่นไม่ดีแล้วโดนด่า อยู่กับสโมสรมีเงินมีทองก็พอแล้ว ผมต้องไปขอตัวจากสโมสร จากต้นสังกัด”
“ผมรับไม่ได้ถ้าบอลแพ้แล้วมาด่ากันแบบนี้ ไปฟุตบอลโลก มันต้องไปกันทั้งประเทศ แต่วันนี้พอล้มแล้วมันไม่มีใครเลย ผมเลยตัดสินใจไม่ไปต่อ ที่ผ่านมา ผมเป็นนักฟุตบอลทีมชาติมา 15 ปี คุมทีมชาติอีก 5 ปี รวม 20 ปี ผูกพันกับทีมชาติไทยมาก เรื่องการลาออกเลยไม่เคยอยู่ในหัวผม แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้วผมก็คิดว่าทำถูกแล้ว”
“ที่ผ่านมา มีคนแนะนำผมมากมายว่า ให้เล่นแบบนั้น เล่นแบบนี้ มีแนะนำว่าให้เล่นเหมือน บาเยิร์น มิวนิก เหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือน เชลซี ถ้าผมฟังคอมเมนต์ในโซเชียล ก็อยู่มาได้ไม่ถึง 5 ปี แบบนี้แน่ คอมเมนต์เป็นหมื่น จะฟังอย่างไรกัน จะเอามาทำได้หมดหรือ”
“การคว้าแชมป์ซีเกมส์ คว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในทุกวันนี้ เดี๋ยวคอยดูเดือนสิงหาคมนี้ มีซีเกมส์ที่มาเลเซีย จะทำได้หรือไม่ แต่ในเอเชียนคัพ นี่ทีมชุดใหญ่ เราทำได้แล้ว เด็กเราสู้ 90 นาที ไม่มีใครถอดใจในระดับเอเชีย ดูทีมอื่นในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เขาลงทุนอะไรกันไปขนาดไหน ไปฟุตบอลโลกกันมากี่ครั้ง เราเคยลงทุนอะไรแบบนี้ไหม ทีมชุดนี้ก็เป็นนักฟุตบอลจากยุคนายกฯ วรวีร์ มะกูดี เรากำลังกินบุญเก่า เราต้องสร้างเยาวชน ผมบอกนายกสมาคมฯอย่างนั้น แต่ผมไม่ทราบว่าเขาจะทำอะไรกันบ้าง ผมยังไม่เห็น ผมคุยกับพี่เฮง (วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย) วันที่กลับจากญี่ปุ่น เอคโคโน มาดูแลฟุตบอลเยาวชนทุกระดับ พี่เฮงเป็นประธานเทคนิค จะทำอะไรได้ ก็เป็นได้แค่เสือกระดาษเท่านั้น เพราะไม่มีอำนาจจัดการอะไรระดับเยาวชน”
“ตอนนี้ก็ต้องกลับไปดูแลภรรยา และลูกๆ ซึ่งต้องทำอยู่แล้ว เป็นหน้าที่หลักของผม แต่ผมก็มีความฝันอยากไปฟุตบอลโลก ผมคงให้คำตอบเรื่องอนาคตอะไรไม่ได้ ต่อจากนี้ก็จะไปอบรมโปรไลเซนส์ ให้จบ เพราะเมืองไทยมีแค่ “โค้ชง้วน” คนเดียว ก็หวังว่าจบแล้วจะได้มีส่วนในการสร้างนักเตะระดับเยาวชนขึ้นมา ส่วนเรื่องการทิ้งวงการฟุตบอลผมคงไม่ไปไหน ผมหายใจเข้าออกเป็นฟุตบอลมาตลอดชีวิต ก็คงทำงานด้านนี้ต่อไป แต่บอกไม่ได้ว่าจะเป็นบทบาทอะไร มีทีมติดต่อมาเช่นกัน แต่คงให้คำตอบอะไรไม่ได้ เพราะผมไม่คิดว่าจะเป็นคนว่างงาน ขอเวลาสักพักค่อยว่ากัน”
“สำหรับเรื่องโค้ชทีมชาติไทย คนต่อไป ก็เป็นเรื่องของสมาคมฟุตบอลฯ ที่จะหาคนมาทำงานต่อ หากว่าได้โค้ชไทยก็ดี หรือโค้ชต่างชาติก็ได้ ใครสนใจก็เดินเข้าไปหานายกสมาคมฯได้เลย ตอนนี้หาคนเป็นโค้ชยากโดยเฉพาะคนไทย ส่วนเรื่องโค้ชต่างชาติก็แค่ซื้อเวลาเท่านั้น ถ้าผลงานดีก็เซ็นสัญญาต่อ ถ้าไม่ดีก็บ้านใครบ้านมัน”