ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - ใครที่ชมเกมฟุตบอลอุ่นเครื่องนัดที่ ฝรั่งเศส แพ้ สเปน 0-2 เมื่อวันพุธคงเห็นจังหวะที่ อองตวน กรีซมันน์ แนวรุกเจ้าถิ่นโหม่งบอลเข้าประตูไปแล้ว ทว่ากลับไม่เป็นประตูเมื่อผู้ตัดสินและผู้ช่วย ปรึกษากับทีมถ่ายทอดสดก่อนตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้า นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้นำเทคโนโลยี Video Assistant Refrees (ย่อว่า VAR) มาช่วยตัดสินนั่นเอง
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) นำเสนอโปรเจกต์ VAR ให้เป็นที่รู้จักต่อแฟนบอลทั่วโลก เพื่อนำมาใช้เป็นผู้ช่วยของผู้ตัดสินในสนามหากเกิดเหตุการณ์ทำประตูแต่ไม่แน่ใจว่าสายตาของตัวเองแม่นยำพอจะมองออกว่าเคลียร์หรือล้ำหน้า ซึ่งก็ได้มีการประเดิมใช้มาแล้วในเกมชิงแชมป์สโมสรโลก ระหว่าง รีล มาดริด ชนะ คลับ อเมริกา 2-0 จนได้แชมป์ไปครอง
วิธีการทำงานของ VAR คือให้ผู้ตัดสินจำนวน 2 คน ประจำการอยู่ที่ห้องส่งและข้างสนาม ซึ่งมีจอมอนิเตอร์ ลิงค์สัญญาณจากกล้องถ่ายทอดสดความละเอียดสูงหลายตัวๆมาให้ดู เมื่อผู้ตัดสินในสนามเกิดความสงสัยต่อจังหวะที่เกิดขึ้นก็จะติดต่อให้คนที่เฝ้ามอนิเตอร์ ร่วมมือกับทีมถ่ายทอดสดเช็คภาพเหตุการณ์จากกล้องที่ถ่ายชัดเจนที่สุด ก่อนส่งคำตอบกลับไปให้เชิ้ตดำในสังเวียนตัดสิน
มาร์โก แวน บาสเทน ตำนานลูกหนังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส พ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเทคนิคของ ฟีฟา เป็นตัวตั้งตัวตีนำการเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้ เขามองว่าทุกวันนี้อาศัยเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินในสนามอย่างเดียวนั้นไม่พอแล้ว จึงต้องมีผู้ช่วยมาเสริมเพิ่มความแม่นยำ
เทคโนโลยี VAR ปัจจุบันได้รับการตอบรับจากผู้บริหารลีกฟุตบอลต่างชาติมากขึ้น ล่าสุดก็เป็น กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ที่พร้อมเอาผู้ช่วยไฮเทคตัวนี้ไปใช้คลี่คลายสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจน ขณะที่ เมเจอร์ ลีค ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา และ บุนเดสลีกา เยอรมนี ก็กำลังพิจารณาอยู่แต่มีแนวโน้มที่ดี น่าจะคล้อยตามเอาไปใช้บ้าง
ฟีฟา พัฒนาเครื่องมือตัวนี้มานานและหวังจะนำไปใช้อย่างเต็มรูปแบบในศึก เวิลด์ คัพ 2018 ฉบับรัสเซีย ที่ใกล้งวดเข้ามาทุกที ซึ่งเกมอุ่นเครื่องนัดที่ผ่านพ้นไปก็ถือเป็นการประเดิมใช้กับเกมระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก ซึ่งดูจากฟีดแบคของนักเตะฝั่ง “ตราไก่” และ “กระทิงดุ” ก็ไม่มีใครโต้แย้ง ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าหน้าที่ ฟีฟา มากขึ้น
เมื่อมีคนเห็นด้วย ก็ต้องมีคนอยู่ตรงข้าม โดยเฉพาะคนจากฝั่ง รีล มาดริด ซึ่งได้ลิ้มลองการลงเตะโดยมี VAR ช่วยตัดสินมาแล้ว รายของ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงพันล้าน บอกไม่ค่อยชอบนักที่มีผู้ตัดสินในทีวีช่วยจับจ้องมากกว่าเดิม เช่นเดียวกับ ลูกา โมดริช ห้องเครื่องชาวโครแอต ไม่ปลื้มเพราะคิดว่านี่ไม่ใช่โลกของฟุตบอลที่ตัดสินกันด้วยตาเปล่าเหมือนแต่ก่อน
วงการกีฬาโลกทุกวันนี้ก็มีการใช้ภาพรีเพลย์มาช่วยตัดสินมากมาย ที่เห็นบ่อยคือ เทนนิส, แบดมินตัน หรือกระทั่ง เทควันโด ที่หากใครสงสัยหรือติดใจอะไรก็สามารถใช้สิทธิ์ของตัวเองเรียกร้องขอตรวจสอบได้ ยิ่งวงการฟุตบอลซึ่งมีเม็ดเงินมากมายมหาศาล นักฟุตบอลหรือโค้ชที่ยังยึดติดอยู่กับระบบเดิมๆ ก็ต้องรู้จักหมุนตามเทคโนโลยีให้ทัน โลกเปลี่ยนไปแล้ว เพราะคงไม่มีฝ่ายใดอยากเสียผลประโยชน์จากความผิดพลาดของ “มนุษย์” ที่อยู่กลางสนาม เหมือนนักเตะทีมชาติอังกฤษ ชุดลุย เวิลด์ คัพ ปี 2010 ฉบับแอฟริกาใต้ ที่แพ้ เยอรมนี 1-4 ยังเจ็บปวดไม่หายกับลูกยิงพิฆาตที่บอลชนคานเด้งข้ามเส้นแล้ว แต่สกอร์ไม่ขึ้นเพราะผู้ตัดสิน “มองไม่เห็น”
เรื่องโดย - วัลลภ สวัสดี