ดัสติน จอห์นสัน นักกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลกชาวอเมริกัน คว้าแชมป์การแข่งขัน เดลล์ เทคโนโลจีส์ แมตช์ เพลย์ ที่บ้านเกิดแบบลุ้นระทึกในวันสุดท้าย หลังเจอคู่แข่งไล่จี้ติดในช่วง 9 หลุมหลัง พร้อมสร้างชื่อเป็นคนแรกที่ได้โทรฟี ซีรีส์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป ครบ 4 รายการ
ศึก เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป รายการ “เดลล์ เทคโนโลจีส์ แมตช์ เพลย์” ณ สนาม ออสติน คันทรี คลับ เมืองออสติน มลรัฐเทกซัส ชิงเงินรางวัลรวม 9.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 292.5 ล้านบาท) คืนวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นการดวลสวิงวันสุดท้าย รอบตัดเชือก และชิงชนะเลิศ
เริ่มที่รอบตัดเชือก ดัสติน จอห์นสัน มือ 1 โลกชาวอเมริกัน ปะทะ ฮิเดโตะ ทานิฮาระ จาก ญี่ปุ่น โดยผลปรากฏว่า “ดีเจ” เฉือนชนะแบบหวุดหวิด 1 อัพ ส่งให้เจ้าตัวได้เข้าชิงชนะเลิศ เจอกับ จอห์น แรม มือ 21 ของรายการจาก สเปน ที่ชนะ บิล ฮาสส์ เจ้าถิ่น 3&2 (นำ 3 อัป เหลือ 2 หลุม)
มาถึงเกมชิงดำ 9 หลุมแรก จอห์นสัน เล่นแบบเหนือชั้นเก็บสกอร์ได้ 5 หลุม ขณะที่ แรม ทวงคืนมาได้ที่หลุม 9 เป็น 1-4 จากนั้น 9 หลุมหลัง สวิงแดนกระทิงดุ ฟอร์มเยี่ยมพัตต์ทำสกอร์ไล่มาเป็น 5-6 ทว่า 2 หลุมสุดท้ายเก็บเพิ่มเพื่อตีเสมอไม่ได้ ส่งให้โปรเจ้าถิ่น กำชัยชนะไปหวุดหวิด 1 อัป
ผลที่เกิดขึ้นทำให้ จอห์นสัน วัย 32 ปี หยิบแชมป์รายการที่ 3 ของปี 2017 กลับบ้านพร้อมเงินรางวัล 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 55 ล้านบาท) และบันทึกสถิติเป็นโปรคนแรกที่ได้แชมป์ซีรีส์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป ครบ 4 รายการ (ประกอบด้วย เม็กซิโก แชมเปียนชิป, เดลล์ แมตช์ เพลย์, บริดจ์สโตน อินวิเตชันแนล และ เอชเอสบีซี แชมเปียนส์)
ส่วนการชิงชัยอันดับ 3 ผู้ชนะ คือ บิล ฮาสส์ สวิงเมืองลุงแซม หลังดวลกับ ฮิเดโตะ ทานิฮาระ จาก ญี่ปุ่น แล้วเฉือนชนะหวิว 2&1 (นำ 2 อัป เหลือ 1 หลุม)