ผู้จัดการรายวัน 360 – ด้วยเทคโนโลยียุคปัจจุบันที่ทำให้มนุษย์ติดต่อสื่อสารใกล้ชิดกันได้ง่ายขึ้นเพียงแค่นิ้วเดียว แต่ก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะขณะที่คนกลุ่มหนึ่งใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคม ก็มีกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งนำมาใช้ทางที่ผิด โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดกีฬาผ่าน โซเชียล มีเดีย ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้สังคมออนไลน์จำนวนมาก ทว่าแน่นอนว่าเป็นการเผยแพร่แบบละเมิดลิขสิทธิ์ ชนิดที่ผู้ถือสิทธิ์ทั้งหลายต้องหาทางแก้ให้วุ่น
ปกติหากต้องการชมถ่ายทอดสดกีฬา ในอดีตจะต้องชมผ่านทางจอทีวี ที่มีผู้ถือลิขสิทธิ์ซื้อเข้ามาฉาย ก่อนจะพัฒนาเป็นระบบเคเบิลบอกรับสมาชิก และก้าวสู่การถ่ายทอดสดทางโลกออนไลน์ ที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลกตามความแรงของอินเตอร์เน็ตที่พัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กลายเป็นว่ามีกลุ่มคนบางส่วนลักลอบนำสัญญาณภาพจากเจ้าของลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ผ่านทาง เฟซบุ๊ค โดยเฉพาะฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กับ ไทยลีก ที่คนติดตามชมมหาศาล
ปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เราเลือกชมการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตแบบถูกกฎหมาย จากผู้ให้บริการทั้งในและต่างประเทศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทย 95% นั้นชอบของฟรีดังนั้นจึงเลือกที่จะเสพกีฬาแบบละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านทางแฟนเพจ เฟซบุ๊ค ต่างๆที่มีให้เลือกสรร เพจไหนสัญญาณถูกตัดก็ยังมีเพจอื่นให้ไปกดตาม พอได้ยอดวิวเยอะ โฆษณาก็เข้า รายได้ก็ไหลมาเทมา เล่นเอาเจ้าของลิขสิทธิ์ที่เสียเงินมหาศาลซื้อมาถ่ายแบบถูกต้องตามกฎหมายซึมไปตามๆกัน
เมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปทาง เอกพล พลนาวี หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เจ้าตัวบอกว่าปกติผู้ถือสิทธิ์การถ่ายทอดสด โตโยต้า ไทยลีก และ M-150 แชมเปียนชิป ปัจจุบันคือ บริษัท ทรู วิชันส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งหากมีใครนำสัญญาณภาพไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค หรือ เคเบิลท้องถิ่น ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ทว่านั่นก็ต้องเป็นเรื่องที่ผู้ให้บริการต้องเป็นฝ่ายจัดการเรื่องนี้
เอกพล กล่าวต่อว่านอกจากผู้ละเมิดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ ทรู ทางสมาคมก็จะปรับเงินผู้กระทำผิดด้วยเริ่มที่ครั้งแรก 1 แสนบาท หากมีอีกก็จะเพิ่มเป็น 2 แสนบาทขึ้นไป ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 3 หรือ ดิวิชั่น 4 (T3-T4) ยังไม่มีผู้ครอบครอง แต่หากเจ้าหน้าที่ของสโมสรต้องการจะเผยแพร่เกมการแข่งขันผ่าน เฟซบุ๊ค ก็ยินดีแต่ต้องทำหนังสือขออนุญาตมา
แม้จะมีการละเมิดลิขสิทธิ์ให้เห็นแบบโจ่งแจ้ง แต่กระนั้นบรรดาผู้ประกอบการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเปิดตำราสู้กับของเถื่อนเหมือนกัน เช่น ทรู จากเมื่อก่อนที่เคยฉายให้ดูแค่ในกลุ่มผู้เป็นสมาชิก ก็แบ่งมาถ่ายทอดกีฬาต่างๆผ่านช่องฟรีทีวีดิจิตอลอย่าง True4U และเฟซบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อเดียวกัน ซึ่งก็ได้เปรียบตรงที่ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณามาบดบังทัศนวิสัย เช่นเดียวกับ ไทยรัฐ เจ้าของสื่อรายใหญ่ ที่ลงทุนเปิดเพจ “ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์” เผยแพร่ข่าวสารเรื่องบอลไทยแบบใกล้ชิด รวดเร็ว และการถ่ายทอดสดฟุตบอลที่จะมีเพิ่มเติม
แม้จะไม่สามารถป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ 100% แต่ “จูเนียร์” วัชร วัชรพล ซีอีโอของช่อง ไทยรัฐทีวี ก็มองว่ายังดีกว่าปล่อยให้ถูกผู้ละเมิดรายอื่นเอาเปรียบโดยไม่ได้ทำอะไรเลย “จริงๆแล้วเราก็ไม่สามารถห้ามกันได้หมดทุกทาง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของผู้ชม รวมถึงอยากให้ทางภาครัฐช่วยกันปลูกฝังประชาชนให้เข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ เคารพสิทธิ์ผู้เป็นเจ้าของที่ได้มันมาอย่างถูกต้อง”
เป็นที่ทราบกันดีว่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาโลก นับวันจะถีบตัวสูงขึ้นทุกที ยิ่งกีฬาฟุตบอลยอดนิยมจากลีกอังกฤษ มูลค่าเงินลิขสิทธิ์ก็ต้องแพงระดับพันล้านบาท กว่าผู้ประกอบการจะประมูลแย่งชิงมาได้ก็เหนื่อยหอบ สูญเสียเงินมหาศาล และแน่นอนว่าทำธุรกิจก็ต้องหวังผลตอบแทนที่คุ้มค่า ผิดกับผู้ละเมิดที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรขโมยสัญญาณมาถ่ายก็แย่งรายได้ไปมากโข อย่างไรก็ตาม ในวันที่เทคโนโลยีกว้างไกลเช่นนี้ เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ต้องหากลยุทธ์อื่นๆงัดออกมาต่อสู้กับกลุ่มผู้ละเมิดด้วย หากหวังพึ่งจิตสำนึกจากคนดูอย่างเดียวคงไม่พอ และไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติได้เมื่อไหร่