ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - หากเอ่ยถึง “นางฟ้าวงการลูกหนัง” แน่นอนทุกคนต้องนึกถึง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เพราะหลังประสบความสำเร็จในฐานะกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก็ตัดสินใจกระโดดเข้ามาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจพัฒนาฟุตบอลหญิง ด้วยบทบาทอันโดนเด่นในฐานะผู้จัดการทีม เหยียบเวที เวิลด์ คัพ ปี 2015 ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมทั้งเรียกเสียงฮือฮาคุมทีมฟุตบอลไทยลีก อย่าง การท่าเรือ เอฟซี แม้จะเริ่มต้นไม่สวยหรูหล่นไปเล่นดิวิชัน 1 แต่ระยะเวลาเพียงปีเดียว ก็พาทีมกลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดได้อย่างภาคภูมิ
นับย้อนไป 11 ปี หญิงเหล็กรายนี้ผ่านเรื่องราวชีวิตในวงการลูกหนังมาได้ทั้งความสุขและคราบน้ำตา โดยเริ่มต้นเส้นทางสายกีฬาด้วยตำแหน่งผู้จัดการทีมกีฬาคนพิการ เมื่อปี 2549 ก่อนจะนำทัพนักกีฬาไปแข่งศึก เฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 9 ที่ประเทศมาเลเซีย
กระทั่งหมดวาระ จึงได้รับการทาบทามจาก นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้ไปเป็นผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย และปฏิบัติหน้าที่ครั้งแรกด้วยการพาทีมเข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว
“มาดามแป้ง” ใช้เวลานาน 4 - 5 ปี ถึงพาแข้งสาวมีที่ยืนเป็นตัวเป็นตน หลังจากไม่เคยได้รับความสนใจ แต่สามารถคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ เมียนมา ปลายปี 2556 และมาประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์คว้าสิทธิ์ไปฟุตบอลโลก 2015 ได้สำเร็จ
ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิง ยอมรับว่า การเข้าสู่รอบสุดท้ายเวิลด์คัพ เป็นความสำเร็จขั้นสูงสุดในการทำทีมฟุตบอลหญิง ทว่า ก็สร้างบาดแผลในใจให้เธอเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากจะต้องควักทุนตัวเองกว่า 100 ล้านบาท เพื่อพาทีมไล่ล่าสำเร็จ ยังต้องแบกความคาดหวังของแฟนบอลจำนวนมาก แต่ไม่สามารถพาทีมผ่านรอบแรกในเวทีโลกไปได้ จนเธอคิดยอมแพ้ และประกาศลาออกจากตำแหน่ง แต่โชคดีที่ได้คนใกล้ตัว รวมทั้งทีมงานและลูกทีมช่วยเรียกกำลังใจกลับมา
ด้วยชั่วโมงบินที่ยาวนานในวงการลูกหนัง ทำให้เจ้าของฉายา “สวยประหาร” ส่งแข้งสาวถึงฝั่งไปได้หลายราย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางคนที่ทำตกหล่นไว้ตามทาง “ปัจจุบันน้องๆ นักฟุตบอลหญิงหลายคนที่เรียนจบแล้ว แป้งจะบรรจุให้ทำงานกับบริษัท เมืองไทย ประกันภัย แต่บางคนก็ไม่ได้เรียนหนังสือ ช่วงที่ไม่มีบอลแข่งก็จะกลับไปทำมาหากินที่บ้านเกิด พอห่างจากเพื่อนก็ทำให้มีคนถอดใจเลิกเล่นฟุตบอล ซึ่งตัวเองก็รู้สึกเสียดาย แต่ก็เข้าใจการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของแต่ละคน”
นอกจากนี้ มาดามแป้ง ยังเผยถึงเป้าหมายของทัพฟุตบอลหญิงที่ตั้งไว้ในปีนี้ ว่า “เรามีหน้าที่สำคัญคือ การคว้าตั๋วลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของนักเตะรุ่นใหม่ไปดวลกับทีมแถวหน้าของเอเชีย ซึ่งได้รับการดูแลจากทั้งโค้ชสเปนเซอร์ ไพร์เออร์ และ โค้ชหนึ่งฤทัย สระทองเวียน ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ที่มี 8 ทีม เข้าร่วมการแข่งขัน และคัดเอา 5 ทีม ไปชิงแชมป์โลก ที่ประเทศฝรั่งเศส อีกสมัย”
อีกหนึ่งบทบาทด้านกีฬาของหญิงแกร่งวัย 50 กระรัต คือ การพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังไทย ด้วยทุนส่วนตัว 100 ล้านบาท เทกโอเวอร์สโมสรเก่าแก่อย่างการท่าเรือ ด้วยการเซ็นสัญญา 5 ปี และเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งแท่นประธานบริหารสโมสรฟุตบอลไทย พร้อมยังใช้ชื่อ “การท่าเรือ เอฟซี” ลุยศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2015 แม้จะเริ่มต้นสะดุดตอขนาดใหญ่ ทีมหล่นไปอยู่ในดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2016 แต่เพียงฤดูกาลเดียวก็ไต่เต้ากลับขึ้นไทยลีก 2017 อย่างเต็มภาคภูมิ
“การได้เข้ามาคลุกคลีกับวงการฟุตบอลหญิง ทำให้เริ่มศึกษาเรื่องฟุตบอลลีกอาชีพของเมืองไทย และกลายเป็นความชอบ จึงเกิดความคิดต้องการทำทีมฟุตบอล ซึ่งการเป็นประธานสโมสรหญิงคนแรกในไทยลีก ถือว่าค่อนข้างท้าทาย เพราะต้องเผชิญกับแรงผลักดันที่จะทำทีมให้ประสบผลสำเร็จตามความคาดหวังของแฟนบอล แต่เพราะได้ทีมงานที่มีความรู้ความชำนาญในด้านนี้ ทำให้ทีมกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง ถือว่าเป็นความโชคดีของตัวเอง”
“เป้าหมายของการท่าเรือที่ตั้งใจไว้ในตอนนี้ คือ รักษาที่ยืนบนไทยลีกไว้ให้นานที่สุด หากทีมมั่นคงและแข็งแกร่งพอแล้ว ค่อยพัฒนาไปหยิบแชมป์บอลถ้วย หรือคว้าโควต้าเป็นตัวแทนสโมสรในไทยไปแข่งขันระดับเอเชีย” นางฟ้าวงการลูกหนัง กล่าวเพิ่มเติม
ด้วยประสบการณ์ในแวดวงการเมือง สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ของสาวเก่งคนนี้ และการที่เคยรับตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยของ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ทำให้มีหลายฝ่ายมุ่งความสนใจไปถึงแผนงานในอนาคตของมาดามแป้งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่ในตอนนี้ อาจจะมีเซอร์ไพส์ได้เห็นเธอในบทบาทผู้นำด้านใดด้านหนึ่ง
นางฟ้าวงการลูกหนังยอมรับว่า จะไม่เห็นเธอในบทบาทอื่นนอกจากวงการกีฬาแน่นอน เพราะกว่า 11 ปีที่ทุ่มเทให้กับวงการลูกหนัง ทำให้เธอรักและผูกพันกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน หากต้องแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นก็คงไม่สามารถทุ่มเทในสิ่งที่รักได้เต็มที่ “มาดามแป้ง” ยอมรับว่า ผลงานที่ผ่านมากับวงการฟุตบอล ยังไม่ค่อยน่าภูมิใจสักเท่าไหร่ จึงต้องการอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อตามล่าความสำเร็จต่อไป