โจ ฮาร์ท นายทวารดีกรีทีมชาติอังกฤษ ยอมรับกลายเป็นส่วนเกินของ แมนเชสเตอร์ ซิตี และเชื่อว่า ไม่น่าจะเฝ้าเสาให้สโมสรอื่นๆ ระดับ พรีเมียร์ ลีก อีกต่อไป
ฮาร์ท หอบข้าวของออกจากถิ่น เอติฮัด สเตเดียม ซบ โตริโน ทีมจาก กัลโช เซเรีย อา แบบยืมตัว 1 ฤดูกาล เดือนสิงหาคม 2016 หลังได้รับไฟเขียวจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา บิ๊กบอสชาวสเปน เลือกสังกัดใหม่ตามความพอใจ
ขณะที่ จอมหนึบวัย 29 ปี คาดว่า อาจหมดโอกาสพิสูจน์ฝีมือกับ “เรือใบสีฟ้า” แน่นอนแล้ว “หากคุณไม่มีวันชนะ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะดิ้นรน โดยเฉพาะกับคนๆ หนึ่งที่กุมอำนาจ เขาไม่ได้ทำลายชีวิตของผม เขาทำลงไปเพราะเขาคิดถึงสิ่งที่เหมาะสมสำหรับเขา ในฐานะผู้จัดการทีม”
เคลาดิโอ บราโบ ผู้รักษาประตูชาวชิลี ที่ย้ายมาทดแทน ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับฟอร์มการเล่น นับตั้งแต่ถูกดึงมาจาก บาร์เซโลนา แชมป์เก่า ลา ลีกา สเปน ค่าตัว 15.4 ล้านปอนด์ (770 ล้านบาท) ช่วงซัมเมอร์ เสียตำแหน่งแก่ วิลลี คาบาเยโร ทั้งเกมลีกสูงสุด และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2017
กวาร์ดิโอลา วัย 45 ปี ยืนยันจะไม่ชี้ขาดอนาคตของ ฮาร์ท จนกว่าจะจบฤดูกาล 2016-17 แต่ก็มีสิทธิ์แยกทางกับ ซิตี โดยมีหลายๆ สโมสรทั้งในและนอกประเทศแสดงความสนใจอยู่
ฮาร์ท ซึ่งติดธง “สิงโตคำราม” ทั้งหมด 68 เกม เผยถึงโอกาสกลับมาค้าแข้งในบ้านเกิด "ผมรู้จัก พรีเมียร์ ลีก ดีมาก แต่ผมไม่อาจบอกว่า มันจะเป็นปัจจัยอันดับ 1 สิ่งที่ผมต้องการมากสุด คือ เล่นให้สโมสรที่ต้องการผมรับหน้าที่ผู้รักษาประตู”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *