xs
xsm
sm
md
lg

“นิว สแต็มเฝิร์ด บริดจ์” สนามใหม่ของ เชลซี / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

ใครๆก็ต้องการมีสนามที่สามารถจุแฟนบอลจำนวนมาก รายได้ที่เกิดจากการขายบัตรเข้าชมก็จะยิ่งมหาศาล และทุกคนก็เชื่อว่า การขยายเพิ่มที่นั่งในที่เดิมย่อมดีกว่าการย้าย แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่ได้รับอนุญาตให้ขยายออกไปอีก จึงจำเป็นต้องเล่นใหญ่ ย้ายถิ่นไปใช้สนามใหม่ซะเลย แต่สำหรับ เชลซี นั้น เพิ่งได้รับการอนุมัติการก่อสร้างอย่างเป็นทางการจาก ซาดิค ข่าน (Sadiq Khan) ผู้ว่าการกรุงลอนเดิ้น เมื่อต้นสัปดาห์นี้เอง จึงตัดสินใจปรับปรุงจาก สแต็มเฝิร์ด บริดจ์ เป็น นิว สแต็มเฝิร์ด บริดจ์ (New Stamford Bridge)

ในกรณีของ อาร์เซนอล นั้น ไม่ได้รับอนุญาตให้ขยายสนาม จึงต้องย้ายรังจาก ฮายเบอรี่ สเตเดี้ยม (Highbury Stadium) ทางตอนเหนือของ กรุงลอนเดิ้น ที่ใช้มาอย่างยาวนานถึง 92 ปี มาปักหลักอยู่ที่ เอมีเรทส์ สเตเดี้ยม (Emirates Stadium) แทนในปี 2006

ส่วน เวสท์ แฮ็ม ยูนายเถ็ด ซึ่งใช้ อัพตั้น พ้าร์ค (Upton Park) มาตั้งแต่ปี 1904 รวมเป็นเวลายาวนานถึง 113 ปี ก็กำลังถูกทุบทิ้งเพื่อพัฒนาเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวนี้ย้ายมาใช้ ลอนเดิ้น สเตเดี้ยม (London Stadium) สนามที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ใน โอลิมปิค เกมส์ ที่ กรุงลอนเดิ้น เป็นเจ้าภาพในปี 2012 นั่นเอง

เรื่องการขยายสนามนั้น ความจริงตั้งแต่เมื่อกลางปี 2014 โรมัน อะบราโมวิช (Roman Abramovich) มหาเศรษฐีอันดับที่ 151 ของโลก วัย 50 ปี ชาวรัสเซีย ที่กลายมาเป็นเจ้าของ สโมสรเชลซี ตั้งแต่ปี 2003 ได้เผยว่า ตนกำลังให้ทีมงานศึกษาดูว่าจะสามารถขยายสนามได้หรือไม่ เพราะต้องการเพิ่มจำนวนผู้ชมให้ได้เป็น 60,000 ที่นั่ง จากเดิมที่สามารถรองรับได้เพียง 41,798 ที่นั่งเท่านั้น

สนามที่มีมูลค่าก่อสร้างที่สูงถึง 500 ล้าน พาวน์ดส หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทนี้ได้รับการออกแบบโดย แฮรโสก เอ เดอ เมอรง อารชีเท็กเติน (Herzog & de Meuron Architekten) บริษัทของสวิสที่มีผลงานออกแบบ อัลลิอั๊นซ์ อาเรน่า (Allianz Arena) ใน มิวนิค และ สนามรังนก ในกรุงเป่ยจิ๊ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก วิหารเว้สท์มินสเต้อร์ (Westminster Cathedral) อันนี้ดูได้จากการใช้วัสดุก่อสร้าง

นิว สแต็มเฝิร์ด บริดจ์ จะเริ่มการก่อสร้างในปี 2018 ซึ่งระหว่างนั้น เชลซี จะไปใช้ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ตลอด 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 ซึ่งปีแรกต้องแบ่งให้ ท็อทแน่ม ฮ้อทสเปอร์ มาใช้ร่วมด้วย เพราะที่ ฮไว้ท์ ฮ้าร์ท เลน (White Hart Lane) ก็กำลังมีการปรับปรุงเช่นกัน โดยตกลงค่าใช้สนามเป็นเงิน 20 ล้าน พาวน์ดส

การก่อสร้างสนามขึ้นมาใหม่นั้น ทำให้ หมู่บ้านเชลซี ทั้งหมดต้องถูกรื้อทิ้งไปเลยทีเดียว ส่วนโรงแรม 2 แห่ง สปา บาร์ ร้านอาหาร จะถูกย้ายออกไปตั้งในที่ใหม่ แต่จะมีร้านขายสินค้าที่ระลึกและพิพิธภัณฑ์ชั่วคราวในระหว่างที่สนามใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ รวมทั้ง อนุสาวรีย์ พีเต้อร์ อ๊อสกูด (Peter Osgood) ตำนานนักเตะของสโมสร ก็จะถูกย้ายไปตั้งที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (Wembley stadium) ชั่วคราว อันนี้จะทำให้ได้พื้นที่สำหรับสร้างทั้ง ร้านขายสินค้าที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ บาร์ ร้านอาหาร โดยมีกำหนดเสร็จทันกลับมาเปิดใช้ในฤดูกาล 2021-22

สำหรับเหตุผลที่ โรมัน ต้องการสร้าง นิว สแต็มเฝิร์ด บริดจ์ อย่างแรงกล้านั้น ก็เพื่อเพิ่มรายได้จากการขายบัตรเข้าชมเกมเหย้าให้เป็นรายได้ตั๋งๆ นอกจากนั้น ยังต้องการทำให้ นิว สแต็มเฝิร์ด บริดจ์ ได้ชื่อว่าเป็นสนามยักษ์ใหญ่เทียบรุ่นได้กับสนามของ อาร์เซนอล และ แมนเช้สเต้อร์ ยูนายเถ็ด นั่นเอง แต่สำหรับผม มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ การลงทุนเพื่อเพิ่มความจุสนามย่อมเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า เพรอมิเอ ลีก ยังได้รับความนิยมจากแฟนบอลจากทั่วโลก พร้อมที่จะแย่งกันจ่ายเงินซื้อตั๋วเข้าชมที่แพงแสนแพง และถ้าไม่เป็นสมาชิกก็ยังหาตั๋วได้ยากซะอีก

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น