ของฟรีแล้วดีมีในโลก รวมแข้งเซ็นแล้วสุดคุ้ม

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - จากกรณีของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หอกซุปตาร์ชาวสวีดิช ที่ย้ายมาแล้วแบก “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ด้วยการยิงไป 26 ประตู พร้อมคว้าแชมป์ ลีก คัพ มาครองสดๆ ร้อนๆ “เดอะ ซัน” สื่ออังกฤษ จึงย้อนไปดูว่าแข้งในอดีตที่ย้ายฟรีแล้วเล่นแบบเกินคุ้มนั้นมีใครกันบ้าง

โรแบร์โต บาจโจ : เอซี มิลาน สู่ โบโลญญา ปี 1997 - เจ้าของฉายาที่เรียกกันติดปากว่า “เทพบุตรเปียทองคำ” เพราะถ้าแปลตรงตัว “Divine Ponytail” (พระเจ้าผมหางม้า) คงตลกไม่น้อย ก่อนหน้านี้ สร้างชื่อกระฉ่อนกับ ยูเวนตุส ทว่า มาล้มเหลวในสีเสื้อ เอซี มิลาน ช่วงปี 1995-97 กระนั้นก็ตามทีมระดับกลางๆ อย่าง “รอสโซบลู” ไม่เชื่อเช่นนั้นดึงไปเสริมทัพ ซึ่งเพลย์เมกเกอร์ขวัญใจสาวๆ ก็ตอบแทนความไว้วางใจซัด 22 ประตูในลีก พร้อมก้าวไปมีชื่อลุ้นแข้งยอดเยี่ยม “บัลลงดอร์” สุดท้ายเล่นได้ปีเดียว อินเตอร์ มิลาน ดึงไปประสานงานกับ โรนัลโด แซมบ้า

สตีฟ แม็คมานามาน : ลิเวอร์พูล สู่ รีล มาดริด ปี 1999 - ก่อนเซ็นสัญญา ราอูล กอนซาเลซ ตำนานกองหน้า “ราชันชุดขาว” เตือนปีกตัวเลื้อยของ ลิเวอร์พูล ว่า จะต้องเจอสารพัดไม่ว่าจะเป็นการ โกหก ทรยศ และนินทา ในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาบิว ที่เรียกได้ว่ามีเรื่องการเมืองภายในแบ่งพรรคเล่นพวก

ทว่า ไม่ทำให้ แม็คก้า ลังเล โดยเลือกย้ายมาแบบฟรีทรานเฟอร์ และถือเป็นนักเตะผู้ดีคนแรกที่ส่งออกช่วงนั้น ซึ่งก็ประสบความสำเร็จได้แชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัยและได้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังยิงได้นัดชิงที่ชนะ บาเลนเซีย 3-0 เมื่อปี 2000 รวมถึงได้แชมป์ลีก 2 สมัย อีกทั้งได้เล่นกับ ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก และ โรนัลโด ช่างเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งคุยได้จวบช่วงลูกหลาน

โซล แคมป์เบลล์ : ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สู่ อาร์เซนอล ปี 2001 - ถูกตราหน้าว่า “คนทรยศ” เพราะเลือกซบอริร่วมกรุงลอนดอน ทั้งที่แจ้งเกิดขึ้นมาจนเป็นกัปตันถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน โดยอำลาแบบหมดสัญญาเท่ากับว่าอู่ข้าวอู่น้ำมือเปล่า แต่ส่วนตัวเซนเตอร์ฮาล์ฟผิวสีเลือกถูก เนื่องจากได้แชมป์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 3 สมัย

เจย์-เจย์ โอโคชา : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สู่ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ปี 2002 - หนึ่งในนักเตะตำนานที่ประสบความสำเร็จบนเวที พรีเมียร์ ลีก ในฐานะเพลย์เมกเกอร์ทักษะสูง อีกทั้งยังเล่นฟุตบอลอย่างสนุกใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จนมีชื่อลุ้นคว้ารางวัลแข้งแห่งปีของ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ รวมถึงเคยช่วย โบลตัน รอดตกชั้นในวันสุดท้ายมาแล้วด้วย

เฮนริก ลาร์สสัน : กลาสโกว์ เซลติก สู่ บาร์เซโลนา ปี 2004 - กองหน้าสวีดิชที่เคยขาหักระหว่างเล่นให้ เซลติก ที่ประสบความสำเร็จทุกอย่างที่สกอตแลนด์ ย้ายร่วมทัพ บาร์ซา ด้วยวัย 34 ปี ก่อนลุกจากม้านั่งสำรองช่วยทีมตามหลัง อาร์เซนอล ในนัดชิง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ก่อนจะชนะ 2-1 เมื่อปี 2006

มิชาเอล บัลลัค : บาเยิร์น มิวนิก สู่ เชลซี ปี 2006 - หลัง 4 ปีกับ “เสือใต้” จอมทัพเยอรมนีเลือกมาอยู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งถือเป็นการค้าแข้งนอกประเทศครั้งแรก โดยเป็นทริปเปิลรองแชมป์เมื่อปี 2008 เหนืออื่นใดถือว่าเป็นประสบความสำเร็จ ก่อนย้ายฟรีอีกครั้งไป ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เพราะไม่พอใจสัญญาใหม่แค่ปีเดียว

อันเดรีย ปิร์โล : เอซี มิลาน สู่ ยูเวนตุส ปี 2011 - มิดฟิลด์ต้นแบบของโลกฟุตบอลสมัยอยู่กับ “ปีศาจแดง-ดำ” ถูก มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี มองข้าม จึงย้ายมาคว้าแชมป์กับ “เบียงโคเนรี” ไม่ว่าจะเป็น กัลโช เซเรีย อา 4 สมัย พ่วงด้วยรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีอีก 3 สมัย ซึ่งก็ไม่วายเจอกับนายเก่าคนเดิม ก่อนอำลาไปอยู่กับ นิว ยอร์ก ซิตี

พอล ป็อกบา : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ ยูเวนตุส ปี 2012 - เป็นหนึ่งในดีลที่ฟันกำไรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง เพราะซัมเมอร์ที่ผ่านมาขายคืน “ผีแดง” ด้วยค่าตัวสถิติโลกใหม่ 89 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4 พันล้านบาท) ย้อนไปตอนนั้นเหตุที่มิดฟิลด์เลือดน้ำหอมเลือกอำลา เพราะไม่ได้รับความเชื่อใจจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนจะไปคว้าแชมป์ลีกอิตาลี 4 สมัยกับ “ม้าลาย” รวมถึงเข้ารอบชิง ยูฟา แ ชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2015

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี : โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สู่ บาเยิร์น มิวนิก ปี 2014 - “เสือเหลือง” ต้องชวดเงินค่าตัวก้อนโต เพราะเจ้าตัวทำแสบเลือกหมดสัญญาก่อนไปอยู่กับ “เสือใต้” ทั้งที่ทีมปลุกปั้นจนดังเปรี้ยงปร้างคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย กระนั้นก็ตามถือเป็นยอดกองหน้าตัวจริงกับ บาเยิร์น 2 ปีครึ่ง ซัดเกือบจะ 100 ประตูแล้ว

เอสเตบัน กัมบิอัสโซ : อินเตอร์ มิลาน สู่ เลสเตอร์ ซิตี ปี 2015 - มิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ประสบความสำเร็จทุกอย่างบนเวที กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ก่อนเลือกมาผจญภัยเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มีส่วนช่วย “สุนัขจิ้งจอก” รอดตกชั้นจากผลงานชนะ 7 เสมอ 1 จากทั้งหมด 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาล ก่อนเลือกไปเล่นให้ โอลิมเปียกอส ต่อไป

เจมส์ มิลเนอร์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี สู่ ลิเวอร์พูล ปี 2015 - แข้งสารพัดประโยชน์ที่โด่งดังอย่างรวดเร็ว โดยตอนนี้เพิ่งอายุ 31 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าประสบการณ์ล้นปรี่ ทางด้าน “หงส์แดง” ได้ไปถือว่าคุ้มสุดๆ เนื่องจากไม่มีปัญหาในการปรับตัวแถมตอนนี้ยังขัดตาทัพประจำการแบ็กซ้ายให้อีกด้วย

เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล