โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ฝีปากกล้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับลูกทีมต้องตำหนิตัวเอง หลังเสมอ บอร์นมัธ อย่างน่าเสียดาย 1-1 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ศูนย์หน้าตัวเก่ง มีสิทธิ์ถูกลงดาบย้อนหลัง ข้อหาทำร้ายคู่แข่ง
ยูไนเต็ด สร้างสรรค์โอกาสลุ้นประตู 20 ครั้ง ตลอดเกม (ตรงกรอบ 7) ถึงแม้ มาร์กอส โรโฮ ปราการหลังอาร์เจนไตน์ ยิงปลดล็อก ทว่า กลับเสียคืนจากจุดโทษของ โจชัว คิง ก่อนพักครึ่ง
“ปืศาจแดง” ชวดพังประตูชัยครึ่งหลัง อิบราฮิโมวิช รับหน้าที่สังหารจุดโทษ หลัง อดัม สมิธ ทำแฮนด์บอล แต่ อาร์เทอร์ โบรุค นายทวารจอมเก๋าชาวโปแลนด์ ป้องกันไว้ได้
“เดอะ สเปเชียล วัน” กล่าว “สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เราเล่นได้ยอดเยี่ยมครึ่งแรก และเราน่าจะนำห่างสัก 3-0 หรือ 4-0 แต่สุดท้ายมันจบลงด้วยสกอร์ 1-1 ผมจะตำหนิใครได้ล่ะ? ไม่มีใครเลย เราพลาดโอกาสทองกันเอง”
“ครึ่งหลังเราดวลกับทีมที่มีผู้เล่นน้อยกว่า 1 คน ผมเข้าใจว่า เป้าหมายของพวกเขา คือ ต้องการ 1 แต้ม เพื่ออยู่รอด พวกเขาก็แค่ถอยมาตั้งรับ ซึ่งมันสร้างปัญหาแก่เรา เหนือสิ่งอื่นใด ต้องบอกว่าผู้รักษาประตูของพวกเขาสุดยอดมาก”
“บางครั้งมันก็ง่ายกว่า หรือมันก็ยากขึ้นเวลาคู่ต่อสู้เหลือ 10 คน หากเรายิงประตูได้ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง จากนั้นมันก็จะง่ายขึ้น พวกเขาทำสิ่งที่หลายๆ ทีมทำกันอยู่แล้ว เมื่อเหลือ 10 คน ผมไม่โทษพวกเขาหรอก”
ไฮไลต์สำคัญก่อนหมดครึ่งแรก จอมถล่มประตูวัย 35 ปี ชักศอกใส่ ไทโรน มิงส์ จังหวะแย่งลูกกลางอากาศ เพื่อเอาคืน หลังถูกย่ำศีรษะ แต่ผู้ตัดสินชักใบเหลืองที่ 2 ให้ แอนดรูว์ เซอร์แมน ที่วิ่งไปผลักอก อดีตกัปตันทีมชาติสวีเดน โดยไม่มีบทลงโทษใดๆ เพิ่มเติม
หาก สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ตรวจสอบภาพรีเพลย์ ก็อาจสั่งแบนขั้นต่ำ 3 เกม สำหรับข้อหาเล่นรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งจะทำให้ อดีตนักเตะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ชวดลงเล่นเกม เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบ เชลซี วันที่ 14 มีนาคม รวมถึงเกมลีกสูงสุด 2 เกม พบ มิดเดิลสโบรช์ (19 มี.ค.) และ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน (1 เม.ย.) ตามลำดับ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
