เดวิด วิลเฮล์มเซน ดาวเตะลูกครึ่งไทย - เยอรมัน ออกมาแฉว่าหลังเดินทางมาค้าแข้งในไทยลีก ตลอด 3 ปี ต้องพเนจรค้าแข้งกับหลายสโมสร บ้างทีมโดนยุบ บ้างโดนยกเลิกสัญญา แถมไม่ได้ค่าชดเชย จนเกือบหมดตัวต้องอำลากลับเยอรมัน และหันหลังให้ฟุตบอลในที่สุด
โดย เดวิด วิลเฮล์มเซน นักฟุตบอลลูกครึ่งไทย - เยอรมัน ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดช้ำของตนเอง เริ่มต้นที่การซ้อมกับอคาเดมีของสโมสร ไฟร์บวร์ก ก่อนจะลงเล่นกับทีม Konstanz ที่ประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งได้ไปแข่งขันกับทีม ที่มี ปีเตอร์ แลง ลงเล่น และอดีตดาวเตะทีม อดีตกองกลางของทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี รวมถึงเคยติดทีมชาติไทยมาแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำให้มาเล่นในไทยลีก
ต่อมาแข้งเจ้าของส่วนสูง 189 เซนติเมตร ตัดสินใจมาค้าแข้งกับสโมสร ทีโอที เอฟซี เมื่อฤดูกาล 2015 ทว่า สโมสรกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนถูก บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ตัดสิทธิ์สโมสร “ฮัลโหล” ในการแข่งขันยามาฮ่า ลีก วัน ฤดูกาล 2016 หลังโดนนักเตะฟ้องร้องเรื่องค่าจ้างที่คงค้างอยู่
จากนั้นจึงย้ายมาค้าแข้งกับสโมสร อินเตอร์ พัทยา ในศึกดิวิชั่น 2 โซนกรุงเทพตะวันออก แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อทีมน้องใหม่แห่งนี้ก็ดันมีปัญหาทางการเงินเหมือนกัน กระทั่งโดนสมาคมฟุตบอลฯ มีคำสั่งให้ อินเตอร์ พัทยา ออกจากการแข่งขันดิวิชั่น 2 และ วิลเฮล์มเซน ก็ไม่ได้ค่าเหนื่อยจากสโมสร
เขาจึงต้องหาสังกัดใหม่อีกครั้ง โดยไปค้าแข้งกับ อำนาจ โปลี ยูไนเต็ด ในศึกดิวิชั่น 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากค้าแข้งไปครึ่งฤดูกาล ก็ได้รับความสนใจจาก อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ที่เป็นสโมสรพันธมิตรของ อำนาจ โปลี ยูไนเต็ด จึงถูกดึงตัวมาร่วมทีม ทว่าอยู่กับทีมเพียง 3 เดือนก็โดนยกเลิกสัญญา แถมเจ้าตัวยังออกมาแฉด้วยว่าไม่ได้รับเงินชดเชยแต่อย่างใด
ดาวเตะลูกครึ่งไทย - เยอรมัน นำข่าวสโมสร “เทพอินทรี” อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ยกเลิกสัญญา แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม นายทวารจอมเก๋า ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก่อนตลาดซื้อ - ขายผู้เล่นเลกแรกปิดไม่นาน พร้อมโพตส์ข้อความว่า “ไม่ใช่แค่คนเดียวนะ ผมอยู่ อุบล ยูเอ็มที เป็นเวลา 3 เดือน ผมได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เชื่อผม มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับสโมสรนี้ แต่ผมไม่สามารถพูดได้ และกรรมจะตามสนองในเร็วๆ นี้”
สำหรับ วิลเฮล์มเซน เผยว่า ตนเหลือเงินติดตัวก้อนสุดท้ายไม่มากนัก หลังโดนยกเลิกสัญญา โดยระบุว่า หลายสโมสรนั้นไม่ยอมจ่ายเงินเดือนนักเตะตามที่ตกลงกันไว้ และพยายามขายผู้เล่นเหล่านั้นเพื่อให้ได้กำไร โดยไม่ได้สนใจว่าผู้เล่นจะมีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งปัจจุบันดาวเตะรายนี้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่เยอรมนี และได้หันหลังให้กับการเล่นฟุตบอลไปเรียบร้อย




โดย เดวิด วิลเฮล์มเซน นักฟุตบอลลูกครึ่งไทย - เยอรมัน ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดช้ำของตนเอง เริ่มต้นที่การซ้อมกับอคาเดมีของสโมสร ไฟร์บวร์ก ก่อนจะลงเล่นกับทีม Konstanz ที่ประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งได้ไปแข่งขันกับทีม ที่มี ปีเตอร์ แลง ลงเล่น และอดีตดาวเตะทีม อดีตกองกลางของทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี รวมถึงเคยติดทีมชาติไทยมาแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำให้มาเล่นในไทยลีก
ต่อมาแข้งเจ้าของส่วนสูง 189 เซนติเมตร ตัดสินใจมาค้าแข้งกับสโมสร ทีโอที เอฟซี เมื่อฤดูกาล 2015 ทว่า สโมสรกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนถูก บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ตัดสิทธิ์สโมสร “ฮัลโหล” ในการแข่งขันยามาฮ่า ลีก วัน ฤดูกาล 2016 หลังโดนนักเตะฟ้องร้องเรื่องค่าจ้างที่คงค้างอยู่
จากนั้นจึงย้ายมาค้าแข้งกับสโมสร อินเตอร์ พัทยา ในศึกดิวิชั่น 2 โซนกรุงเทพตะวันออก แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อทีมน้องใหม่แห่งนี้ก็ดันมีปัญหาทางการเงินเหมือนกัน กระทั่งโดนสมาคมฟุตบอลฯ มีคำสั่งให้ อินเตอร์ พัทยา ออกจากการแข่งขันดิวิชั่น 2 และ วิลเฮล์มเซน ก็ไม่ได้ค่าเหนื่อยจากสโมสร
เขาจึงต้องหาสังกัดใหม่อีกครั้ง โดยไปค้าแข้งกับ อำนาจ โปลี ยูไนเต็ด ในศึกดิวิชั่น 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากค้าแข้งไปครึ่งฤดูกาล ก็ได้รับความสนใจจาก อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ที่เป็นสโมสรพันธมิตรของ อำนาจ โปลี ยูไนเต็ด จึงถูกดึงตัวมาร่วมทีม ทว่าอยู่กับทีมเพียง 3 เดือนก็โดนยกเลิกสัญญา แถมเจ้าตัวยังออกมาแฉด้วยว่าไม่ได้รับเงินชดเชยแต่อย่างใด
ดาวเตะลูกครึ่งไทย - เยอรมัน นำข่าวสโมสร “เทพอินทรี” อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ยกเลิกสัญญา แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม นายทวารจอมเก๋า ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก่อนตลาดซื้อ - ขายผู้เล่นเลกแรกปิดไม่นาน พร้อมโพตส์ข้อความว่า “ไม่ใช่แค่คนเดียวนะ ผมอยู่ อุบล ยูเอ็มที เป็นเวลา 3 เดือน ผมได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เชื่อผม มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับสโมสรนี้ แต่ผมไม่สามารถพูดได้ และกรรมจะตามสนองในเร็วๆ นี้”
สำหรับ วิลเฮล์มเซน เผยว่า ตนเหลือเงินติดตัวก้อนสุดท้ายไม่มากนัก หลังโดนยกเลิกสัญญา โดยระบุว่า หลายสโมสรนั้นไม่ยอมจ่ายเงินเดือนนักเตะตามที่ตกลงกันไว้ และพยายามขายผู้เล่นเหล่านั้นเพื่อให้ได้กำไร โดยไม่ได้สนใจว่าผู้เล่นจะมีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งปัจจุบันดาวเตะรายนี้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่เยอรมนี และได้หันหลังให้กับการเล่นฟุตบอลไปเรียบร้อย