9 เดือนก่อนหน้านี้ แฟนบอล เลสเตอร์ ซิตี ทั่วเมืองผู้ดี ต่างนอนหลับฝันดีมีความสุข เพราะทีมรักของพวกเขาได้ทะยานหยิบแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 1884 แบบที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชาตินี้
แต่ 9 เดือนต่อจากนั้น สาวก “เดอะ ฟ็อกซ์” รวมถึงบอร์ดบริหาร ก็ต้องกลับสู่โลกความจริงเมื่อพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับฝันร้าย ทีมกำลังจะตกชั้น และนั่นก็นำมาสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ นั่นคือ การปลด เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือจอมเก๋าชาวอิตาเลียน แบบฟ้าฝ่า ค่ำคืนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะที่แฟนบอลพันธุ์แท้และพันธุ์ทางบางประเทศ ยังนอนหลับอยู่บนเตียง
ความพ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 ในศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จุดประกายความไม่พอใจบางอย่างให้เกิดขึ้นในใจเหล่าแข้งซีเนียร์ประจำทีม ชนิดถึงกับพูดกันในห้องแต่งตัวว่า “นี่เรากำลังทำอะไรอยู่”
เลสเตอร์ ตบเท้าเข้าปี 2017 โดยผลงานอันแสนย่ำแย่ ไม่ชนะใครเลยในเกม พรีเมียร์ ลีก 5 นัดติดต่อกัน จนอันดับรูดกราวลงไปอยู่ที่ 17 มีแต้มเหนือโซนตกชั้นแค่ 1 แต้ม แม้ยังเหลือเกมลีกอีก 13 นัด แต่พวกเขาก็กำลังจะเดินตามรอย แมนเชสเตอร์ ซิตี เมื่อ 79 ปีก่อน ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุด แล้วตกชั้นในปีต่อมา
รายงานของ เดอะ มิร์เรอร์ บอกว่า นักเตะของ เลสเตอร์ เดินเข้าไปพูดคุยกับ “เสี่ยวิชัย” วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีมชาวไทย เพื่อระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของ “ทิงเกอร์แมน” ทั้งการปรับแผนการเล่นแทบทุกสัปดาห์จนทุกคนสับสน กระทั่งอาหารว่างจากเบอร์เกอร์ไก่ ก็ถูกเปลี่ยนเป็น พาสต้า
อันที่จริง เลสเตอร์ พวกเขายังมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ เพราะศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรกที่ผ่านไป พวกเขาบุกแพ้ เซบีญา 1-2 แต่ เจมี วาร์ดี ก็ยิง อเวย์ โกล กลับมา ทำให้ยกสองที่จะกลับมาเจอกันใน คิง เพาเวอร์ สเตเดียม “เดอะ ฟ็อกซ์” ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ได้ลุ้นเข้ารอบอยู่ แต่บอร์ดบริหารคิดว่าอันดับในลีกนั้นสำคัญกว่าเวทียุโรป
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานของ เลสเตอร์ และลูกชายของ “เสี่ยวิชัย” บอกตัวเขาและบอร์ดบริหารไม่ได้ต้องการทำเช่นนี้ และก็ไม่ได้คาดคิดว่าทีมจะต้องป้องกันแชมป์ลีกได้ ขอแค่ไม่ตกชั้นก็พอ แต่เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นดังใจ การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่ คิง เพาเวอร์ เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสร
นอกจากนี้ นักเตะของ เลสเตอร์ ที่ส่วนใหญ่ก็ต่อสัญญาระยะยาวกันไปแล้วเมื่อปีก่อน ก็สุ่มเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้ที่ควรรับ โดยหากผลงานช่วงท้ายไม่เป็นตามเป้าก็อาจถูกหั่นเงินเดือนออกบ้าง
แคสเปอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูชาวเดนมาร์ก กระตุ้นเพื่อนๆ รวมถึง รานิเอรี ให้สู้เพื่อกอบกู้วิกฤต ขณะที่ เจมี วาร์ดี ที่ปีนี้ฟอร์มฝืดยิงได้แค่ 5 ประตู ก็พูดบอกว่าทุกคนต้องทำงานให้หนักกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่า 13 เกมสุดท้ายของลีก พวกเขาคงต้องดิ้นรนกันหนักหน่วงกว่าเดิมเมื่อ รานิเอรี ไม่อยู่แล้ว
เลสเตอร์ มอบหมายให้ เคร็ก เช็คสเปียร์ กับ ไมค์ สโตเวลล์ สองผู้ช่วยของทีมรับหน้าที่ดูแลทีมไปก่อนชั่วคราว รอคนที่จะมากอบกู้วิกฤต ซึ่งเวลานี้ก็มีชื่อของ โรแบร์โต มันชินี อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่พาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย นอนเป็นเต็ง 1
นัดต่อไปของ เลสเตอร์ คือ การเปิด คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เจอกับ ลิเวอร์พูล คืนวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้ แถมโปรแกรมหลังๆ พวกเขาก็ยังไม่หมดเคราะห์กรรมต้องเจอทีมใหญ่ เช่น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (22 เมษายน), แมนเชสเตอร์ ซิตี (13 พฤษภาคม)
ณ เวลานี้ นักเตะของ เลสเตอร์ ต้องร่วมมือร่วมใจกันพาทีมลอยลำนาวา รอดพ้นจากการตกชั้นให้ได้ เอาเป็นว่า 3 เกมที่เจอกับทีมใหญ่ อย่างน้อยก็พยายามดิ้นเอาผลเสมอแบ่งแต้มให้ได้ก่อน ส่วนที่เหลือเจอกับทีมระดับรองก็ควรมีชัยชนะ เก็บแต้มติดมือ
หากทำไม่ได้ พวกเขาก็เตรียมปิดฉาก “แชมป์ฉบับเทพนิยาย” ตามรอย แมนฯซิตี เมื่อ 79 ปีที่แล้วไปได้เลย