ฉากหลัง “เทโร” ในวันสีกากี จับมือคนกันเองลุยไทยลีก

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ประธาน โปลิศ เทโร เอฟซี

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - สโมสรเก่าแก่อย่าง บีอีซี เทโร ศาสน เพิ่งเปิดตัวลุยศึกไทยลีกฤดูกาล 2017 อย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อไม่นานมานี้ และได้เปลี่ยนชื่อทีมเป็น “โปลิศ เทโร เอฟซี” พร้อมแต่งตั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นประธาน โดยมี มร.ไบรอัน แอล มาร์คาร์ มาร่วมเป็นหนึ่งในผู้บริหารสโมสร

สำหรับวันเปิดตัว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ประธานสโมสรคนใหม่ ประกาศชัดเจนว่า “สโมสร โปลิศ เทโร เอฟซี เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง สโมสรตำรวจ กับ สโมสรบีอีซี เทโรศาสน ภายใต้ชื่อใหม่ที่ต้องการพาทีมประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการทีมของ ไบรอัน แอล มาร์คาร์ ผู้ก่อตั้งสโมสร และความมุ่งมั่นของเรา รวมถึงความแข็งแกร่งของนักเตะ และประสบการณ์ของทีมงานทุกคน เราเชื่อว่าสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี จะก้าวสู่อันดับท็อป 10 ของไทยลีกได้ในปีนี้”

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า “มังกรไฟ” ประกาศขายทีมมาตั้งแต่จบฤดูกาล 2015 (พ.ศ. 2558) หลังต้องหล่นไปเล่นดิวิชัน 1 ทว่า เคราะห์ดีที่สโมสรเพื่อนตำรวจ ติดปัญหาด้านตลาดหลักทรัพย์ จนต้องถูกตัดออกจากการแข่งขัน ทำให้ “มังกรไฟ” ยังสามารถผงาดรักษาสถิติเป็นทีมที่ไม่ตกชั้นไทยลีกนานที่สุดตั้งแต่ปี 2539

ก่อนหน้านี้ บมจ.บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้ขายหุ้นของ บริษัท บีอีซี เทโร ศาสน จำกัด ให้แก่บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.สยามสปอร์ต) จำนวน 999,997 หุ้น หรือคิดเป็น 99.99% ของหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 135 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นเงินสด 90,000,000 บาท พร้อมได้สิทธิในการลงโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์อีก 45,000,000 บาท โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 และลงนามในตราสารการโอนหุ้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559

เทโรฯ เคยได้รับความสนใจจากกลุ่มทุนอุดรธานี ที่ต้องการเข้ามามีชื่อบริหาร แต่มีอุปสรรคเรื่องสนามแข่งขัน ในการย้ายทีมไปเล่นที่ จ.อุดรธานี และการเปลี่ยนชื่อทีม และการนำเงินมาลงทุนแต่ไม่มีชื่อตัวเองออกหน้า เป็นธรรมดาที่นักธุรกิจไม่ทำกัน ทำให้ มาร์คาร์ ในฐานะประธานสโมสร ได้ติดต่อไปยังฝั่งของตำรวจ เพื่อที่จะเข้ามาร่วมกันทำทีม จนบรรลุข้อตกลง โดยการบริหารงานจะใช้ทีมงานของตำรวจเกือบทั้งหมด ขณะที่นักเตะก็ยังจะใช้ชุดเดิมของบีอีซี เทโรศาสน เป็นหลัก ทั้งที่ควรจะติดปัญหาเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ยำเกรงต่อกฏระเบียบที่ยังไม่เสร็จสิ้นขั้นตอน

หากมองว่า ตำรวจ ต้องการทำสโมสรฟุตบอลเหมือนกับข้าราชการเหล่าอื่น ที่มี ทหารอากาศ ทหารเรือ และ ทหารบก ในวันเปิดตัว อาร์มี่ ยูไนเต็ด แฟนบอลมักจะเห็น “บิ๊กตู่” พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาสร้างสีสัน ออกโรงเชียร์ทีมของเหล่าทัพตัวเองอย่างสนุกสนาน ฉะนั้น หากตำรวจกลับมามีส่วนในไทยอีกครั้ง แม้จะติดปัญหาเรื่องคลับไลเซนซิ่ง ก็มีโอกาสที่คนใหญ่คนโตเสื้อสีกากีในวงการลูกหนัง จะช่วยเหลือให้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ หรือช่วยดันจนสามารถบรรลุเป้าหมายในการใช้ชื่อเบื้องต้น ส่วนจะมีผลต่อการแข่งขันเมื่อลีกเปิดหรือไม่นั้น คงต้องจับตาดูกันต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีวงในกระซิบมาว่า โปลิศ ยังไม่ได้ติดต่อซื้อหุ้นทั้งหมดคืนมาจาก บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ฉะนั้น การแบ่งหุ้นคนละครึ่งกับ มร.ไบรอัน แอล มาร์คา ก็อาจจะเป็นเพียงฉากหน้าให้ทุกคนเข้าใจเช่นนั้น แต่ความจริงคือ การร่วมหุ้นกันระหว่างบริษัทแม่ของเครือดังกล่าว เพื่อให้ยังวนเวียนอยู่ในวงจรเดิมที่มี ทีม A B C ไว้คอยปั้นนักเตะสลับกันไปมา ประหนึ่งเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน

เพราะทีมมีผลงานอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 20 ปี มีผลงานหวานหอม ทั้งแชมป์ไทยลีก 2 สมัย (ปี 2543 - 2544), รองแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก (ปี 2546), รองแชมป์เอฟเอคัพ (ปี 2552) และ แชมป์โตโยต้าลีกคัพ (ปี 2557) เพิ่งจะปล่อยตัวนายทวารมือ 1 ประสิทธิ์ ผดุงโชค และ พุทธิพงษ์ พรมลี ให้กับเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด และได้ วิศณุศักดิ์ แก้วเรือง, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์, ดัสกร ทองเหลา, อิทธิกร การสร้าง, เสกสิทธิ์ ศรีใส, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, อุกฤต เทียมเลิศ, อิสริยะ มารมย์, ไมเคิล เอ็นดรี และ มาริโอ อบรานเต มาร่วมทีม นอกจากนี้ ยังมีทีมเขตปกครองพิเศษแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ที่มักจะสลับผู้เล่นไว้ใช้สอยกันประจำ เพราะเจ้าของหุ้น บริษัท คอร์โน แอนด์ แนซ จำกัด ก็มีบริษัทแม่ บริษัทเดียวกันคือ บมจ.สยามสปอร์ต

ล่าสุด มีกระแสว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ มร.ไบรอัน แอล มาร์คาร์ จะกลับไปซื้อหุ้นของเทโรฯ คืนจาก บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในวงเงินไม่ต่างจากเดิม แต่ไม่เกิน 120 ล้านบาท เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการทำทีมอย่างเต็มที่ ซึ่งตามหลักความเป็นจริงคงไม่มีใครยอมขายเพื่อให้ตัวเองขาดทุน แต่ถ้ามีออปชันต่างๆ พ่วงติดไปด้วย ก็น่าจะพอพิจารณาอยู่บ้าง คงต้องจับตาดูว่าหลังจากนี้ แข้งจำนวน 26 รายของ โปลิศ เทโร ในปัจจุบัน จะมีใครกระเด็นไปร่วมทัพ “กิเลนผยอง” อีกบ้าง

สุดท้ายก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีการลงมาล้วงลูกเหมือนในยุคของนายใหญ่ลูกหนังไทยคนก่อน เพราะความเกรงในใจสีเสื้อเดียวกัน แม้จะไม่ได้ลงไปคุมเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเปิดทางให้เดินอย่างสะดวก เพราะแฟนๆ คงอยากจะเห็นผลการแข่งขันที่ขาวสะอาด ไม่มีพรรคพวกเข้ามาเกี่ยวแน่นอน
ไบรอัน ยังนั่งแท่นผู้บริหารสโมสร