อูเซน โบลต์ มนุษย์ที่เร็วที่สุดในโลก จำต้องส่งเหรียญทอง โอลิมปิก ที่ได้จากการแข่งขันวิ่งผลัด 4x100 ม. เมื่อปี 2008 ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน คืนให้กับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) หลังมีการยืนยันแล้วว่าเพื่อนร่วมทีมวิ่งผลัดของเขากระทำความผิดใช้สารกระตุ้นระหว่างลงแข่งขัน
ลมกรดวัย 30 ปี สร้างผลงานยิ่งใหญ่ลงแข่ง โอลิมปิก 3 ครั้งที่ จีน, อังกฤษ, บราซิล กวาดเหรียญทองรวมทั้งสิ้น 9 เหรียญ แบ่งเป็นครั้งละ 3 เหรียญจากประเภท 100 ม., 200 ม. และ 4x100 ม. ทว่าล่าสุดโดนตัดเหลือเพียง 8 เหรียญ จากความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ แต่เป็น เนสตา คาร์เตอร์ เพื่อนร่วมทีมที่กระทำตัวเสื่อมเสีย
รายงานเผยว่า นาสเตอร์ วัย 31 ปี ที่ออกวิ่งเป็นไม้แรกให้กับทีมจาเมกาใน "ปักกิ่งเกมส์" ก่อนทุกคนจะรวมใจกันวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นสถิติโลก 37.10 วินาที ถูกจับได้ว่าพบสารกระตุ้นจากตัวอย่างที่ได้มา ส่งผลให้ โบลต์ และเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คน อาซาฟา พาวว์ และ ไมเคิล เฟรเตอร์ โดนหางเลขถูกยึดเหรียญไปด้วย
ก่อนหน้านี้ ไอโอซี ได้แจ้งเตือนไปยัง จาเมกา ว่าพวกเขามีสิทธิ์ถูกริบเหรียญระหว่างตรวจสอบตัวอย่างของ นาสเตอร์ ซึ่ง โบลต์ ก็ทำใจล่วงหน้าแล้วว่าคงต้องโดน "ผมรู้สึกหัวใจสลาย ไม่พอใจเลยกับสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนทำงานหนักมาตลอดทั้งปีเพื่อเหรียญทอง และได้เป็นแชมเปียน แต่ถ้าต้องคืนเหรียญทองให้ก็ต้องยอมรับ"
และจากผลที่เกิดขึ้นก็ทำให้ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ที่เข้าเป็นอันดับ 2 ในปีดังกล่าว ได้เหรียญทองไปครอบครองแทน ส่วน ญี่ปุ่น กับ บราซิล ถูกอัพเกรดให้ได้เหรียญเงิน และ เหรียญทองแดง ตามลำดับ