เอเยนซี - กลายเป็นที่ถกเถียงของคนในวงการลูกหนัง หลังจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา มีประกาศิตลงมาเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า บอร์ดบริหารมีเสียงเป็นเอกฉันท์ในศึก เวิลด์ คัพ ปี 2026 รอบสุดท้ายจะเพิ่มเป็น 48 ชาติ โม่แข้ง
จานนี อินฟานติโน ประธานคนใหม่ของ ฟีฟา ที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจากจอมฉาวอย่าง เซปป์ แบล็ตเตอร์ เป็นผู้จุดแนวคิดนี้ ซึ่งก็ได้มีการประชุมลงมติกันที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากงานแจกรางวัลประจำปี 2016 ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา
ส่วนรูปแบบการแข่งขันเบื้องต้นมีการเคาะออกมาแล้วดังนี้ คือ ทั้งหมด 48 ทีม แบ่งเป็น 16 กลุ่ม โดยมีกลุ่มละ 3 ทีม อันดับ 1 และ 2 เข้าสู่รอบน็อกเอาต์ที่มี 32 ทีม เกมตลอดทัวร์นาเมนต์เพิ่มจาก 64 เป็น 80 แมตช์ ใช้ทั้งสิ้น 12 สนาม ทีมที่เข้ารอบชิงปี 2026 จะเตะ 7 แมตช์เท่ากับรูปแบบปัจจุบัน สรุปรวมระยะเวลา 32 วัน
แน่นอนว่า หมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทั่วโลกต้องปรับตัว นับตั้งแต่มีการแข่งขัน เวิลด์ คัพ ครั้งแรกเมื่อปี 1930 ที่อุรุกวัย เป็นเจ้าภาพมี 13 ชาติ ก่อนที่ปี 1982 ที่สเปนจะขยายเป็น 24 ชาติ และล่าสุดปรับอีกครั้งปี 1998 ที่ฝรั่งเศส 32 ชาติ ก่อนยึดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ความตั้งใจของ อินฟานติโน ก็หนีไม่พ้นเหตุผลที่ว่าประเทศอื่นๆ จะได้มีโอกาสสานฝันที่เป็นจริงได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดย เวิลด์ คัพ จะไม่ได้มีแค่ทวีปยุโรป กับอเมริกาใต้ ที่เป็นมหาอำนาจอีกต่อไป ดังนั้น คาดว่า แอฟริกากับเอเชียจะได้รับส้มหล่นไปแบบเต็มๆ
แต่ก่อนที่ ฟีฟา จะแบ่งโควตาแบบใหม่ออกมา ณ จุดนี้มีเสียงวิจารณ์หลากหลายมุมมองบ้างก็ว่าเป็นแรงผลักดันจากเรื่องเงินๆ ทองๆ และการเมือง ทั้งที่ตอน อินฟานติโน ได้รับเลือกเข้ามาเมื่อ 11 เดือนก่อนนั้น บอกว่า เป็นองค์กรโฉมใหม่ที่มาปฏิรูปล้างภาพอื้อฉาวเดิมๆ
ล่าสุด สมาคมสโมสรฟุตบอลยุโรป หรือ อีซีเอ (European Club Association) ที่ถือว่าเป็นองค์กรบริหารงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะมีส่วนทำให้ฟุตบอลยุโรปแข็งแกร่งจนถึงปัจจุบันนี้ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยน เพราะมองว่ารูปแบบปัจจุบันนั้นสมบูรณ์ที่สุดแล้ว
อีซีเอ แถลงว่า “เราเข้าใจถึงการตัดสินใจครั้งนี้ของ ฟีฟา อย่างไรก็ตาม มองว่า เหตุผลหลักมาจากเรื่องการเมืองมากกว่าประโยชน์ของคนกีฬาโดยตรง การตัดสินใจอยู่ภายใต้แรงกดดันบางสิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง”
ส่วน ฆาเบียร์ เตบาส ประธาน ลา ลีกา สเปน อดไม่ได้ที่จะออกมาจวก ฟีฟา ว่า “ฟีฟา กำลังเล่นการเมือง, อินฟานติโน กำลังกระทำเพื่อการเมือง เพราะเขาสัญญาว่าหากได้รับเลือกตั้งจะมีประเทศต่างๆ ได้ร่วมโม่แข้งฟุตบอลโลกมากขึ้น ก็แค่ต้องการรักษาสัญญา ซึ่งเราไม่เห็นด้วยและไม่พอใจอย่างมาก”
ยุโรปนั้นไม่มีปัญหาเรื่องรูปแบบการคัดเลือกไปเล่นรอบสุดท้าย เพราะแต่ละชาติล้วนมีศักยภาพ แต่กังวลใจเรื่องการแข่งขันรอบคัดเลือกมากกว่า เนื่องจากโปรแกรมจะเบียดฟุตบอลลีกและนักเตะก็จะต้องลงเตะมากขึ้น ซึ่งบรรดากุนซือสโมสรยักษ์ใหญ่ก็ย่อมไม่ชอบใจเช่นกัน
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าแอฟริกากับเอเชีย คือ ทวีปที่น่าจะโชคดีในปี 2026 จากปัจจุบันที่ได้รับโควตา 5 กับ 4.5 ตามลำดับ คาดว่า จะเพิ่มเป็น 9 กับ 8.5 ตามลำดับเลยทีเดียว ส่วนยุโรปน่าจะเป็น 16 และอเมริกาใต้เป็น 6, อเมริกาเหนือ 6.5, โอเชียเนีย 1 และเจ้าภาพ 1
ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามี 48 ชาติ คำถามก็คือรอบคัดเลือกจะถูกปรับเช่นไร ซึ่งต้องรอ ฟีฟา อีกครั้ง แต่สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือทุกทวีปจะต้องได้โควตาเพิ่ม อีกอย่างที่ต้องลุ้นกัน ก็คือ ใครจะเป็นเจ้าภาพในปี 2026 ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดให้ยื่นเสนอตัว ซึ่งอาจจะมีเจ้าภาพร่วม 3 ทีม อาทิ สหรัฐอเมริกา - แคนาดา - เม็กซิโก รวมถึง โมร็อกโก
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *