เปิดใจครอบครัว “น้องพี-แม่นคาน” วันเดอร์คิดไร้สัญชาติ ในวันที่พอมีความหวัง

ผู้จัดการรายวัน 360 - กลายเป็นปรากฏการณ์ “ฟีเวอร์” สำหรับวงการลูกหนังไทย เมื่อ “น้องพี” สุวิน เด็กชายผู้ไร้นามสกุลชาวมอญ วัยเพียง 7 ขวบ โชว์ทักษะความแม่นด้วยการเตะบอลชนคานเพียงเพื่อแลกกับลูกฟุตบอลเอาไว้ซ้อม ผ่านรายการโทรทัศน์ดังอย่าง “ซูเปอร์จิ๋ว ซูเปอร์10” ทางช่องเวิร์คพอยท์ ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น บวกความแม่นยำ ทำเอาหนูน้อยรายนี้ขโมยหัวใจคนไทยไปทั้งดวง ทว่า ปัญหาใหญ่ของวันเดอร์คิดรายนี้ คือ การเป็นคนไรัสัญชาติ

จากกระแสดังกล่าว ทีมงาน MGR Sport จึงเดินทางสู่ “Inter Thailand Academy” (อินเตอร์ ไทยแลนด์ อคาเดมี) ย่านศรีนครินทร์ แหล่งบ่มเพาะนักฟุตบอลดาวรุ่งฝีเท้าดี ภายใต้การดูแลของ อ.สมบัติ ลีกำเนิดไทย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และเจ้าของอะคาเดมีแห่งนี้ ที่ครอบครัวของ “น้องพี” ใช้เป็นที่ฝึกซ้อมและพักอาศัยไม่ไกลนัก โดยเมื่อเดินทางไปถึง นอกจากจะได้พบกับดาวเตะ “ซูเปอร์จิ๋ว” ยังมี คุณพ่อวิน และ คุณแม่สุ บิดามารดาของ “น้องพี” รวมถึง “ยายแดง” ชาวไทย ที่คอยช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวตั้งแต่ต้นคอยพูดคุยให้ข้อมูล

ซึ่งคุณแม่สุ เผยว่า ตนเองและสามีเป็นชาวมอญ มาอาศัยอยู่กับ “ยายแดง” ที่เมืองไทยตั้งแต่ “น้องพี” ยังไม่เกิด โดยที่ผ่านมาต้องทำงานหนักเข้าแลก เพราะเป็นเพียงชาวต่างด้าว ก็ได้ “ยายแดง” ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ก่อนให้กำเนิด “น้องพี” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2552 จากนั้นถัดมาอีก 5 ปี ก็มี “น้องนนท์” อานนท์ บุตรชายวัย 2 ขวบ

“ตอนเดินทางมาเมืองไทย ก็ตั้งใจว่าจะสร้างครอบครัวที่นี่ เราหนีความลำบากจากถิ่นฐานเดิม มาที่นี่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนไทย ที่ผ่านมา ก็ต้องต่อสู้ทุกอย่าง การได้มาทำงานที่สนาม อินเตอร์ ไทย อะคาเดมี ก็ทำไปเรื่อย ตัวแม่นั้นทำงานร้านขายอาหาร ขณะที่พ่อ น้องพี ก็ทำงานช่วยดูแลสนาม ก็พอได้อยู่ได้กิน ส่วนอนาคตของลูกชายนั้น ก็ขอให้เป็นตามแต่ความสามารถของเขา หากจะเอาดีทางนี้ก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ครอบครัวเราไม่ได้มีเงินเหมือนคนอื่น” แม่ “น้องพี” กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แม้จะเป็นเด็กไร้สัญชาติ ทว่า “น้องพี” ก็ยังได้รับโอกาสทางการศึกษา โดยเริ่มเรียนที่โรงเรียนลำสาลี (ราษฎร์บำรุง) เป็นโรงเรียนของรัฐบาล ทำให้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่ง ส่วนค่าใช้จ่ายบางส่วนก็ได้ “ยายแดง” ผู้ดูแลชาวไทยคอยช่วยเหลือ

ขณะที่ความสนใจของอัจฉริยะแม่นคานวัย 7 ขวบนั้น อ.สมบัติ เจ้าของอะคาเดมี ที่ปลุกปั้น เผยว่า วันแรกที่เห็นเด็กน้อยเดินเท้าเปล่ามายืนเกาะรั้วสนามดูเด็กคนอื่นฝึกซ้อม “ตอนนั้นเขาเดินเท้าเปล่ามาเลย เห็นเด็กคนอื่นเล่นเขาก็อยากเล่นตามประสาเด็ก ซึ่งรองเท้าก็ไม่มี ชุดแข่งก็ไม่มี ตอนนั้นเราก็บอก เอาลองเดาะบอลดู เขาก็พยายาม ทีนี้มันก็เริ่มทำได้ขึ้นมา เล่นอยู่แถวๆ นี้ ผู้ปกครองนักเรียนคนอื่นเขาเห็นก็เอ็นดู เอาชุดกีฬาบ้าน รองเท้าสตั๊ดบ้างมามอบให้ ค่าเรียนเราก็ไม่ได้คิดกับเขา รู้ดีว่าฐานะทางบ้านเป็นอย่างไร”

ส่วนเรื่องความแม่นคานนั้น อ.สมบัติ ยอมรับว่า เกิดจาก “น้องพี” ตัวเล็ก จึงไม่สามารถปล่อยให้ลงทีมกับเด็กโตได้ จึงได้มอบหมายการฝึกยิงชนคานให้เจ้าตัวซ้อม “ลงทีมกับเด็กโต 12 - 13 ขวบ เขาใหญ่กว่า โดนเตะก็ร้องไห้ ถามว่าเลิกไหม เขาไม่เลิก เราก็เอาอย่างนี้ ไปฝึกซ้อมเตะบอลชนคานแล้วกัน อย่างน้อยก็ได้ทักษะไปด้วย และผลก็อย่างที่เห็นว่าเขาแม่นจนโด่งดังไปแล้วตอนนี้”

สำหรับการที่มีหลายสโมสรต้องการคว้าตัว “น้องพี” ไปร่วมทีม เจ้าของ “Inter Thailand Academy” ยืนยันว่า คงเป็นไปไม่ได้ “เขายังเล็กมาก แค่เพียง 7 ขวบเท่านั้น อีกทั้งพ่อแม่เขาก็ไม่ได้อยากให้ลูกชายไปอยู่ที่ไหนไกลๆ ไม่ใช่การปิดโอกาสเด็กนะ แต่อยากให้เขาโตกว่านี้ ดูแลตัวเองได้ก่อนจะดีกว่า วันก่อนก็มีตัวแทนสโมสรมาหา บอกอยากได้ตัวเขาไป คือก็ต้องอธิบายไปว่ายังไม่ได้จริงๆ ถึงเวลาที่เขาพร้อมเมื่อไรเราพร้อมให้โอกาสเขาแน่นอน”

“การพัฒนาฝีเท้าเป็นเรื่องสำคัญ เด็กควรได้รับสิ่งเหล่านี้ตามวัยที่เหมาะสม ตอนนี้ผมก็มีแบบฝึกสำหรับตัวเขาแล้ว เพื่อพัฒนาฝีเท้า รวมถึงการฝึกเล่นเท้าขวาด้วย เพราะการเล่นเท้าซ้ายเพียงข้างเดียวในฟุตบอลสมัยใหม่นั้นไม่เพียงพอ หากทำได้จริงเขาจะมีอนาคตสดใสแน่นอน” อ.สมบัติ กล่าว

ทั้งนี้ ปัญหาของวันเดอร์คิดชาวมอญ คือ การเป็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งที่ผ่าน อ.สมบัติ ผู้ปลุกปั้นพยายามหาทางออกเรื่องดังกล่าว แต่ก็ยังติดขัด ภายหลังโด่งดังจากการออกรายการโทรทัศน์มีหลายฝ่ายรับปากว่าจะช่วยเหลือ โดยเฉพาะตัวแทนจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และยังไม่ทราบว่าเจ้าหนูรายนี้จะได้สัญชาติไทยหรือไม่ “ผมทราบว่าคนไทยอยากเห็นเขาเก่งขึ้น พัฒนาขึ้น จนสามารถติดทีมชาติไทย แต่การเป็นคนไร้สัญชาติมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะติดธง ตรงนี้ก็ต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย”
อ.สมบัติ ลีกำเนิดไทย เจ้าของอคาเดมีที่ฝึกฝน น้องพี