สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้รับหนังสือแจ้งโทษจาก “เอเอฟซี” สั่งปรับร่วม 1 ล้านบาท พร้อมคาดโทษหากมีการจุดแฟลร์อีกจะโดนเพิ่มโทษรุนแรงกว่าเดิม
ภายหลังจากการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่ทีมชาติไทย พบกับ อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2559 โดยในเกมนัดนี้มีแฟนบอลจำนวนหนึ่งได้จุดพลุแฟลร์ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน
ล่าสุด คณะกรรมการวินัยสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” ทำหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แจ้งบทลงโทษจากกรณีดังกล่าว โดยมีรายละเอียดการลงโทษดังต่อไปนี้
1. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ราว 1 ล้านบาท) สำหรับการละเมิดบทที่ 68.1 ประกอบกับบทที่ 67.1 ของระเบียบข้อบังคับทางวินัยเอเอฟซี
2. ค่าปรับดังกล่าวจะต้องชำระภายใน 30 วัน นับจากวันที่การตัดสินนี้สื่อสารถึงผู้ที่เกี่ยวข้องของบทที่ 15.3 ของระเบียบ
3. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ ได้รับการแจ้งเตือนว่า หากมีการละเมิดข้อบังคับดังกล่าวซ้ำ จะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงกว่าเดิม
ด้าน พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงกรณีลงโทษดังกล่าว ว่า ถือเป็นบทลงโทษขั้นต้นสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งอาจมีบทลงโทษที่หนักขึ้นตามมาในภายหลังหากเกิดปัญหาซ้ำซ้อน
“ที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ทำงานอย่างหนัก เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการวินัยของเอเอฟซีเข้าใจว่า เราจริงจังกับการแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากทั้งตำรวจและฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงทำแผนการรับมือปัญหาดังกล่าวให้ทางเอเอฟซีพิจารณาเพิ่มเติมด้วย” โฆษกสมาคมฯ กล่าว
“อย่างไรก็ดี ทางเอเอฟซีได้ย้ำเตือนมาอีกด้วยว่าหากเกิดขึ้นในการแข่งขันของฟีฟา และเอเอฟซีครั้งต่อไป จะมีการลงโทษในขั้นที่สูงกว่าการปรับเงิน”
“เพื่อไม่ให้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สมาคมฯ ต้องขอความร่วมมือจากแฟนบอลทุกท่านให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ผิดข้อบังคับทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่าเดิมจากทางเอเอฟซีในภายหลัง” พาทิศ กล่าว