ผู้จัดการรายวัน 360 - แม้อยู่ในช่วงปิดฤดูกาล แต่ฟุตบอลระดับสโมสรของไทยเริ่มกลับมามีสีสัน หลังทราบผลการจับสลากศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก โดยมีตัวแทนเข้าไปร่วมโม่แข้ง 3 ทีมคือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด และ สุโขทัย เอฟซี ซึ่งทั้งหมดต่างก็มีการเตรียมงานกันอย่างแข็งขันพื่อประกาศศักดิ์ศรีลูกหนังไทย ดังนั้น ลองไปดูความพร้อมของทั้งหมดกันเลยดีกว่า
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
เริ่มกันที่ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผ่านทะลุไปในรอบแบ่งกลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ฤดูกาล 2016 ต้องมาผิดหวังจากการตกรอบเพลย์ออฟรอบ 3 จากการบุกไปแพ้ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ทีมจากจีนไป 0-3 ซึ่งในปีนี้ สำหรับขุมกำลังตอนนี้ แทบจะไม่ต้องเป็นห่วง แม้จะเพิ่งเสีย “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ แนวรับคนสำคัญของทีมไป แต่ก็ยังมีแข้งดีกรีทีมชาติไทยหลายรายที่อยู่เต็มขุมกำลัง ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา อีกทั้งยังได้แนวรุกอย่าง มงคล ทศไกร ดาวเตะดีกรีทีมชาติมาร่วมทัพ นอกจากนี้ ดาวเตะต่างชาติก็ถือว่ามีทีเด็ดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เคลตัน ซิลวา ดาวซัลโวไทยลีก ปีล่าสุด และ มาริโอ อัลบาเรซ ปราการหลังวัย 34 ปี จากสเปน เป็นตัวยืน
แม้ต้องเจอกับคู่แข่งที่เป็นสโมสรชั้นนำอย่าง คาชิมา รวมทั้งอาจต้องเจอกับสโมสร บริสเบน โรอาร์ อดีตแชมป์ เอลีก 3 สมัยจากออสเตรเลีย ที่มีดาวดังอย่าง จอห์น อลอยซี และ เซียงไฮ้ เสิ่นหัว ที่มี 3 ดาวเตะสุดอันตราย ประกอบด้วย เดมบา บา, โอบาเฟมี มาร์ติน และ เฟรดี กัวริน ภายใต้การคุมทัพของ กุสตาโว โปเยต์ กุนซือชาวอุรุกวัย
ทว่า “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชของทีม เมืองทองฯ ยืนยันว่า ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด “ส่วนตัวก็ไม่ได้แปลกใจจากการจับสลากแบ่งสายสักเท่าไรนัก เพราะการที่เข้ามาสู่รอบนี้ได้ ต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว เราก็ต้องเตรียมทีมของเราให้ดีที่สุด ตอนนี้เราพยายามศึกษาคู่ต่อสู้ เพื่อนำมาแก้ไขและสู้กับทีมระดับท็อปให้ได้”
แบงค็อก ยูไนเต็ด
สำหรับ “แข้งเทพ” ที่ได้กลับเข้ามาร่วมแข่งขันในถ้วยระดับเอเชียในรอบ 10 ปี ด้วยโควตารองแชมป์ไทยลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเกมแรกที่เขาจะต้องเจอจะเป็นการเปิดรังเหย้าต้อนรับการมาเยือนของ ยะโฮร์ ดารุล คาซิม ทีมจากประเทศมาเลเซีย โดย มาโน โพลกิง กุนซือของทีม ยอมรับอยากได้แข้งมาเสริมทัพอีก 2 - 3 คน หลังจากได้ โยฮัน ทาวาเรส กองหลังลูกครึ่ง ฝรั่งเศส - โปรตุเกส เข้ามาเสริมแกร่งในเกมรับในก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวหลักที่เป็นแข้งนอกต่างก็อยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น เจย์ซี จอห์น, ดราแกน บอสโควิช รวมถึง มาริโอ ยูรอฟสกี และ กิลแบร์โต มาเชนา สองสตาร์ที่พร้อมลงล่าตาข่ายทีมคู่แข่ง
ซึ่งหากผ่านรอบนี้ไปได้ “แข้งเทพ” ยังมีงานหนักในการเพลย์ออฟรอบ 3 เนื่องจากต้องบุกไปเยือนคู่แข่งที่เป็นทีมอันดับ 4 จากตารางคะแนนของ “เจลีก” และหากยังรักษาฟอร์มเก่งต่อเนื่องจนสามารถเข้ารอบแบ่งกลุ่มได้ก็ต้องอยู่ร่วมสายเอช กับ ชุนบุค ฮุนได แชมป์เก่าจากเกาหลีใต้, อเดเลด ยูไนเต็ด จากออสเตรเลีย และ เจียงซู เอฟซี จากจีน
สุโขทัย เอฟซี
ด้านน้องใหม่ป้ายแดงอย่าง “ค้างคาวไฟ” เข้ามาเล่นรายการนี้ด้วยโควตาแชมป์ เอฟเอ คัพ ซึ่งถือเป็นทีมเดียวในรายการนี้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ โดยในนัดแรกจะได้เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ ยาดานาร์บอน จากเมียนมา
“ค้างคาวไฟ” ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนักเตะที่มีการเสริมทัพเข้ามาพอสมควร แต่ยังคงเก็บแนวรุกคีย์แมนตัวสำคัญของทีม อย่าง จอห์น บาจโจ และ ดิยุฟ บิรัม สองประสานที่คอยสังหารประตูคู่ต่อสู้ รวมไปถึงการเสริมแนวรุกอย่าง อัดมิร อโดรวิช ดีกรีอดีตทีมชาติมอนเตเนโกรชุดยู - 21 อีกด้วย
ส่วนสนามแข่งขันแม้จะมีการปรับปรุงสนามทุ่งทะเลหลวง และรอ “เอเอฟซี” เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งในช่วงเดือนมกราคม ถ้าไม่ผ่านก็จะโยกไปฟาดแข้งที่สนามราชมังคลากีฬาสถานแทน และหากผ่านด่านแรกไปได้ สุโขทัย เอฟซี ก็ยังต้องเจอกับ เซียงไฮ้ เอสไอพีจี จากจีน แถมถ้าเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้ก็ต้องอยู่ในสายเอฟ ร่วมกับ เอฟซี โซล จากเกาหลีใต้, ทีมลำดับสองจาก “เจลีก” และ เวสต์เทิร์น ซิดนีย์ วันเดอร์เรอร์ส จากออสเตรเลีย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *