คอลัมน์ “ตอดทุกเรื่อง” โดย “หญิงตอด”
หลังจากมีการยุติการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2016 ก่อนกำหนด เป็นผลให้สโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล และ อาร์มี ยูไนเต็ด ต้องตกชั้นและเข้ามาร้องเรียนยังการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมกับร้องขอให้มีการเพิ่มจำนวนทีมเป็น 20 ในฤดูกาล 2017 เพื่อให้ตนเองมีโอกาสโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของไทยอีกครั้ง
แน่นอนว่าการผลเสียเพิ่มจาก 18 เป็น 20 ทีม ย่อมทำให้แต่ละสโมสรต้องลงเล่นมากขึ้นเพิ่มอีกทีมละ 4 นัด จากเดิม 34 เป็น 38 นัด ซึ่งเมื่อกวาดตาดูโปรแกรมที่จะเริ่มสตาร์ทซีซันใหม่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ก็ต้องเจอกับคิวที่แน่นขนัดทั้งปี ตั้งแต่ทัพ “ช้างศึก” ที่ต้องแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก เปิดบ้านพบ ซาอุดิอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ซึ่งถือเป็นนัดชี้ชะตาอย่างน้อยต้องมีการเก็บตัวไม่ต่ำกว่า 7 วัน
นอกจากนี้ยังมีฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ คัพ” ที่เกริ่นว่าจะจัดขึ้นกลางปี 2017 และในช่วงเดือนกรกฎาคม มีการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ซึ่งยังไม่รวมโปรแกรมบอลถ้วย 2 โทรฟี ทั้งลีกคัพ เอฟเอคัพ ที่ลากยาวทั้งปี, เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก และฟุตบอลรายการพิเศษอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเข้ามาอีก เช่นโปรแกรมอุ่นเครื่อง ตามฟีฟ่าเดย์ ที่อาจจะน้อยลง หรือไม่มีเลย จนอันดับโลกของทีมชาติไทยต้องหล่นฮวบ
ที่สำคัญเชื่อว่าต้องมีเกมกลางสัปดาห์สลับเสาร์-อาทิตย์ ให้แต่ละทีมต้องเล่นกันเกือบ 10 นัดแน่นอน ที่สำคัญช่วงพักเบรกกลางซีซันที่สัญญาว่าจะมีให้ 1 เดือน ก็ดูท่าจะเหลือเพียง 2-3 วัน และจะส่งผลถึงสมรรถภาพร่างกายของนักเตะที่ลดลงทั้งในทีมชาติและสโมสรโดยปริยาย
อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงเงินส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซึ่งเดิมทีจะได้รับทีมละ 20 ล้านบาท แต่จะต้องเสียค่าเดินทางในการออกไปเล่นเกมเยือนเพิ่มขึ้นอีกทีมละ 2 นัด และต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทั้งทีมเพิ่มอีกราว 1 เดือนเต็ม ที่สำคัญผู้สนับสนุนหลักอย่าง “ทรูวิชั่นส์” จะต้องควักเพิ่มอีก 40 ล้าน ให้กับ 2 ทีมที่เพิ่มขึ้นมา ต่างจากสปอนเซอร์ใหญ่ “โตโยต้า” ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพราะตั้งเงินรางวัลไว้แค่ทีมอันดับ 1-8 เท่านั้นส่วนที่เหลือจะมีกี่ทีมก็อดไม่ต่างกันอยู่ดี
หากมีการเพิ่มเป็น 20 ทีมจริง แล้วในอนาคตต้องการที่จะกลับมาเหลือ 18 ทีมตามเดิม แนวทางที่เป็นไปได้สูงคือเพิ่มทีมตกชั้น จาก 3 เป็น 5 ทีม เหมือนที่เคยทำมาแล้วเมื่อปี 2014 ดังนั้นในฤดูกาล 2017 โซนท้ายตารางลีกสูงสุดต้องขับเคี่ยวกันอย่างระอุ เนื่องจากมีผู้โชคร้ายถึง 5 ทีม หลังจากนั้นภาระจะไปตกอยู่ที่ลีกรองคือ ยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชั่น1) ฤดูกาล 2018 ที่ต้องเจอคิวโหดจากการมี 20 ทีม และต้องตกชั้นถึง 6 ทีม เหมือนที่เคยผ่านมา
ถึงกระนั้นในความวุ่นวายจากการเพิ่มทีม อาจจะพอมีข่าวดีให้เห็นอยู่บ้าง ในส่วนของสโมสรคงจะพอมีรายได้มาแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย จากการจำหน่ายตั๋วเข้าชมหรือขายของที่ระลึก และหากต้องเตะกันนานขึ้นทีมยักษ์ใหญ่อาจจะไม่ปล่อยตัวนักเตะมาช่วยทีมชาติ เนื่องจากต้องกันไว้ช่วยสโมสรเก็บแต้ม คงจะทำให้เราได้นักเตะหน้าใหม่ๆ ตัวสำรองจากไทยลีก, ดิวิชั่น 1 หรือ ดิวิชั่น 2 มารับใช้ชาติมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ต้องยอมรับว่าคนที่ได้รับผลกระทบที่แย่ที่สุดไปเต็มๆ คือ สมาคมฟุตบอลฯ เพราะการเพิ่มทีมเป็นทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด มีแต่ผลเสียตามมา ที่สำคัญปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็มาจากการทำงานที่ไร้มาตรฐานของหน่วยงานนั่นเอง เพราะไม่มีความเด็ดขาด ในความเป็นมืออาชีพของฟุตบอลไทยในปัจจุบัน กลับไม่สามารถการันตีได้ว่าหากมีปัญหาอีก จะต้องเพิ่มๆ ลดๆ ทีมอีกหรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลังจากมีการยุติการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2016 ก่อนกำหนด เป็นผลให้สโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล และ อาร์มี ยูไนเต็ด ต้องตกชั้นและเข้ามาร้องเรียนยังการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมกับร้องขอให้มีการเพิ่มจำนวนทีมเป็น 20 ในฤดูกาล 2017 เพื่อให้ตนเองมีโอกาสโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของไทยอีกครั้ง
แน่นอนว่าการผลเสียเพิ่มจาก 18 เป็น 20 ทีม ย่อมทำให้แต่ละสโมสรต้องลงเล่นมากขึ้นเพิ่มอีกทีมละ 4 นัด จากเดิม 34 เป็น 38 นัด ซึ่งเมื่อกวาดตาดูโปรแกรมที่จะเริ่มสตาร์ทซีซันใหม่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ก็ต้องเจอกับคิวที่แน่นขนัดทั้งปี ตั้งแต่ทัพ “ช้างศึก” ที่ต้องแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก เปิดบ้านพบ ซาอุดิอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ซึ่งถือเป็นนัดชี้ชะตาอย่างน้อยต้องมีการเก็บตัวไม่ต่ำกว่า 7 วัน
นอกจากนี้ยังมีฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ คัพ” ที่เกริ่นว่าจะจัดขึ้นกลางปี 2017 และในช่วงเดือนกรกฎาคม มีการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ซึ่งยังไม่รวมโปรแกรมบอลถ้วย 2 โทรฟี ทั้งลีกคัพ เอฟเอคัพ ที่ลากยาวทั้งปี, เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก และฟุตบอลรายการพิเศษอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเข้ามาอีก เช่นโปรแกรมอุ่นเครื่อง ตามฟีฟ่าเดย์ ที่อาจจะน้อยลง หรือไม่มีเลย จนอันดับโลกของทีมชาติไทยต้องหล่นฮวบ
ที่สำคัญเชื่อว่าต้องมีเกมกลางสัปดาห์สลับเสาร์-อาทิตย์ ให้แต่ละทีมต้องเล่นกันเกือบ 10 นัดแน่นอน ที่สำคัญช่วงพักเบรกกลางซีซันที่สัญญาว่าจะมีให้ 1 เดือน ก็ดูท่าจะเหลือเพียง 2-3 วัน และจะส่งผลถึงสมรรถภาพร่างกายของนักเตะที่ลดลงทั้งในทีมชาติและสโมสรโดยปริยาย
อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงเงินส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซึ่งเดิมทีจะได้รับทีมละ 20 ล้านบาท แต่จะต้องเสียค่าเดินทางในการออกไปเล่นเกมเยือนเพิ่มขึ้นอีกทีมละ 2 นัด และต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทั้งทีมเพิ่มอีกราว 1 เดือนเต็ม ที่สำคัญผู้สนับสนุนหลักอย่าง “ทรูวิชั่นส์” จะต้องควักเพิ่มอีก 40 ล้าน ให้กับ 2 ทีมที่เพิ่มขึ้นมา ต่างจากสปอนเซอร์ใหญ่ “โตโยต้า” ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพราะตั้งเงินรางวัลไว้แค่ทีมอันดับ 1-8 เท่านั้นส่วนที่เหลือจะมีกี่ทีมก็อดไม่ต่างกันอยู่ดี
หากมีการเพิ่มเป็น 20 ทีมจริง แล้วในอนาคตต้องการที่จะกลับมาเหลือ 18 ทีมตามเดิม แนวทางที่เป็นไปได้สูงคือเพิ่มทีมตกชั้น จาก 3 เป็น 5 ทีม เหมือนที่เคยทำมาแล้วเมื่อปี 2014 ดังนั้นในฤดูกาล 2017 โซนท้ายตารางลีกสูงสุดต้องขับเคี่ยวกันอย่างระอุ เนื่องจากมีผู้โชคร้ายถึง 5 ทีม หลังจากนั้นภาระจะไปตกอยู่ที่ลีกรองคือ ยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชั่น1) ฤดูกาล 2018 ที่ต้องเจอคิวโหดจากการมี 20 ทีม และต้องตกชั้นถึง 6 ทีม เหมือนที่เคยผ่านมา
ถึงกระนั้นในความวุ่นวายจากการเพิ่มทีม อาจจะพอมีข่าวดีให้เห็นอยู่บ้าง ในส่วนของสโมสรคงจะพอมีรายได้มาแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย จากการจำหน่ายตั๋วเข้าชมหรือขายของที่ระลึก และหากต้องเตะกันนานขึ้นทีมยักษ์ใหญ่อาจจะไม่ปล่อยตัวนักเตะมาช่วยทีมชาติ เนื่องจากต้องกันไว้ช่วยสโมสรเก็บแต้ม คงจะทำให้เราได้นักเตะหน้าใหม่ๆ ตัวสำรองจากไทยลีก, ดิวิชั่น 1 หรือ ดิวิชั่น 2 มารับใช้ชาติมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ต้องยอมรับว่าคนที่ได้รับผลกระทบที่แย่ที่สุดไปเต็มๆ คือ สมาคมฟุตบอลฯ เพราะการเพิ่มทีมเป็นทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด มีแต่ผลเสียตามมา ที่สำคัญปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็มาจากการทำงานที่ไร้มาตรฐานของหน่วยงานนั่นเอง เพราะไม่มีความเด็ดขาด ในความเป็นมืออาชีพของฟุตบอลไทยในปัจจุบัน กลับไม่สามารถการันตีได้ว่าหากมีปัญหาอีก จะต้องเพิ่มๆ ลดๆ ทีมอีกหรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *