คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
การประกบคู่ระเบิดศึกใหญ่ระดับ “เมกะไฟต์” ที่พลาดโอกาสทำเงินมหาศาลอย่างน่าเสียดายไฟต์หนึ่ง แน่นอนว่า ไม่พ้นรายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมหญิง ระหว่าง “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ กับยอดนักสู้หญิงร่างยักษ์ คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน
เพราะ ไซบอร์ก นั้นปกติเป็นแชมป์รายการ “อินวิคตา” อยู่ในรุ่นเฟเธอร์เวต พิกัด 145 ปอนด์ ในขณะที่ เราซีย์ นั้นไร้เทียมทานอยู่ในรุ่นแบนตัมเวต 135 ปอนด์ พิกัดน้ำหนักที่ห่างกันถึง 10 ปอนด์นี้ ทำให้ทั้งคู่ยังไม่สามารถเปิดศึกกันได้
แม้ว่าทาง UFC จะรับ ไซบอร์ก เข้ามาขึ้นสู้ในสังกัดแล้วก็ตาม จน “อีสาวคาวบอย” ดวงแตกพลาดท่าโดน ฮอลลี โฮล์ม เตะก้านคอพ่ายน็อกไปเมื่อปีก่อน จนทำให้สถานการณ์แชมป์ในรุ่นแบนตัมเวตหญิงเกิดอาการเปลี่ยนมือไปมาตลอดช่วงปีที่ผ่านมานี้ และ เราซีย์ เองก็ยังไม่คืนสังเวียน จนหลายคนเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอจะหวนกลับขึ้นสู้อีกหรือเปล่า
ด้าน ไซบอร์ก ก็ยังพยายามอุ่นเครื่องเรียกฟอร์มเอาไว้ เรียกว่า เราซีย์ พร้อมเมื่อไหร่ เจรจากันได้ทันที ยิ่งตอนนี้ เราซีย์ ไม่มีเข็มขัดแชมป์รุ่น 135 ปอนด์ มาเป็นตัวผูกเอาไว้แล้ว การหาน้ำหนักที่ลงตัวก็น่าจะเป็นไปได้มากขึ้น ล่าสุด เมื่อสาย ๆ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไซบอร์ก ก็ขึ้นสังเวียนเป็นคู่เอกในรายการ UFC Fight Night 95: Brasilia ที่บ้านเกิดกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล
โดยไฟต์นี้เป็นการเปิดศึกในพิกัด “แคทช์เวต” คือ น้ำหนักพบกันครึ่งทาง ที่ตกลงไว้ 140 ปอนด์ พบกับนักสู้สาวชาวสวีเดน ลินา แลนส์เบิร์ก เจ้าของสถิติชนะ 6 แพ้ 1 แต่วัยปาเข้าไป 34 ปีแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เธอโลดแล่นอยู่ในเวทีมวยไทยหญิง ส่วน ไซบอร์ก ในวัย 31 ปีนั้น ชนะมา 16 ไฟต์ พลาดท่าพ่ายไปไฟต์เดียวในไฟต์ประเดิมอาชีพเมื่อปี 2005 เท่านั้น ปรากฏว่า ไฟต์นี้สาวเจ้าถิ่นอัดนักสู้สาวสวีเดนจนน่วมเลือดท่วมโดนกรรมการจับแพ้ไปในยกที่ 2 เมื่อเวลา 2:29 นาที
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ไฟต์นี้ ไซบอร์ก มีปัญหาในการทำน้ำหนักอย่างมาก ชนิดก่อนวันชั่งน้ำหนักมีกระแสเป็นกังวลเลยทีเดียวว่าจะ “ตกตาชั่ง” หรือเปล่า เพราะวันจันทร์นั้นเธอยังน้ำหนักเกินพิกัดอยู่ 25 ปอนด์เลยทีเดียว ต้องวิ่งวันละ 10 ไมล์ เพื่อลดน้ำหนัก แถมกินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญอีก จนวันพฤหัส มีข่าวว่า ทาง UFC และ แลนส์เบิร์ก ยอมให้ ไซบอร์ก ชั่ง 141 ปอนด์ได้ เพราะในสัญญานั้นระบุอยู่แล้วว่าตกลงกันที่ 140 บวกลบ 1 ปอนด์ ถึงวันชั่งน้ำหนักทาง ไซบอร์ก ก็มาที่ 141 ผ่านหวุดหวิด
ก่อนหน้านี้ การทำน้ำหนักในพิกัด 145 ของ ไซบอร์ก ก็ถือว่าลำเค็ญมากอยู่แล้ว พอต้องลงมาที่ 140 หรือแม้แต่ 141 ก็เลยต้องลดน้ำหนักแบบหฤโหดแบบนี้ และทีมแพทย์เคยแนะนำแล้วว่าทำ 135 จะไม่ดีกับสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เรื่องนี้เป็นปัญหาหลักอย่างเดียวแล้วที่จะทำให้ ไซบอร์ก ไม่สามารถเปิด “เมกะไฟต์” กับบรรดาสาว ๆ ยอดฝีมือในรุ่น 135 ได้ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์คนปัจจุบัน อมันดา นูเนซ หรือ โฮล์ม, มีชา เทต แม้ว่านักสู้สาวเหล่านี้จะเปิดทางแล้วว่ายินดีเปิดศึกกับ ไซบอร์กที่ 140 หรือ 141 ก็ตาม แต่แบบนั้นแฟน ๆ รู้ดีว่า ไซบอร์ก ได้เปรียบรูปร่างเยอะมาก ที่สำคัญที่สุด ไฟต์หมื่นล้านกับ “อีสาวคาวบอย” เราซีย์ เมื่อเธอพร้อมคืนสังเวียน ก็น่าจะยิ่งยากขึ้นไปอีก พวกเราก็ได้แต่ตามลุ้นว่าจะเกิดไฟต์มันส์ ๆ เหล่านี้ให้เราตามชมตามเชียร์กันได้หรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
การประกบคู่ระเบิดศึกใหญ่ระดับ “เมกะไฟต์” ที่พลาดโอกาสทำเงินมหาศาลอย่างน่าเสียดายไฟต์หนึ่ง แน่นอนว่า ไม่พ้นรายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมหญิง ระหว่าง “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ กับยอดนักสู้หญิงร่างยักษ์ คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน
เพราะ ไซบอร์ก นั้นปกติเป็นแชมป์รายการ “อินวิคตา” อยู่ในรุ่นเฟเธอร์เวต พิกัด 145 ปอนด์ ในขณะที่ เราซีย์ นั้นไร้เทียมทานอยู่ในรุ่นแบนตัมเวต 135 ปอนด์ พิกัดน้ำหนักที่ห่างกันถึง 10 ปอนด์นี้ ทำให้ทั้งคู่ยังไม่สามารถเปิดศึกกันได้
แม้ว่าทาง UFC จะรับ ไซบอร์ก เข้ามาขึ้นสู้ในสังกัดแล้วก็ตาม จน “อีสาวคาวบอย” ดวงแตกพลาดท่าโดน ฮอลลี โฮล์ม เตะก้านคอพ่ายน็อกไปเมื่อปีก่อน จนทำให้สถานการณ์แชมป์ในรุ่นแบนตัมเวตหญิงเกิดอาการเปลี่ยนมือไปมาตลอดช่วงปีที่ผ่านมานี้ และ เราซีย์ เองก็ยังไม่คืนสังเวียน จนหลายคนเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอจะหวนกลับขึ้นสู้อีกหรือเปล่า
ด้าน ไซบอร์ก ก็ยังพยายามอุ่นเครื่องเรียกฟอร์มเอาไว้ เรียกว่า เราซีย์ พร้อมเมื่อไหร่ เจรจากันได้ทันที ยิ่งตอนนี้ เราซีย์ ไม่มีเข็มขัดแชมป์รุ่น 135 ปอนด์ มาเป็นตัวผูกเอาไว้แล้ว การหาน้ำหนักที่ลงตัวก็น่าจะเป็นไปได้มากขึ้น ล่าสุด เมื่อสาย ๆ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไซบอร์ก ก็ขึ้นสังเวียนเป็นคู่เอกในรายการ UFC Fight Night 95: Brasilia ที่บ้านเกิดกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล
โดยไฟต์นี้เป็นการเปิดศึกในพิกัด “แคทช์เวต” คือ น้ำหนักพบกันครึ่งทาง ที่ตกลงไว้ 140 ปอนด์ พบกับนักสู้สาวชาวสวีเดน ลินา แลนส์เบิร์ก เจ้าของสถิติชนะ 6 แพ้ 1 แต่วัยปาเข้าไป 34 ปีแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เธอโลดแล่นอยู่ในเวทีมวยไทยหญิง ส่วน ไซบอร์ก ในวัย 31 ปีนั้น ชนะมา 16 ไฟต์ พลาดท่าพ่ายไปไฟต์เดียวในไฟต์ประเดิมอาชีพเมื่อปี 2005 เท่านั้น ปรากฏว่า ไฟต์นี้สาวเจ้าถิ่นอัดนักสู้สาวสวีเดนจนน่วมเลือดท่วมโดนกรรมการจับแพ้ไปในยกที่ 2 เมื่อเวลา 2:29 นาที
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ไฟต์นี้ ไซบอร์ก มีปัญหาในการทำน้ำหนักอย่างมาก ชนิดก่อนวันชั่งน้ำหนักมีกระแสเป็นกังวลเลยทีเดียวว่าจะ “ตกตาชั่ง” หรือเปล่า เพราะวันจันทร์นั้นเธอยังน้ำหนักเกินพิกัดอยู่ 25 ปอนด์เลยทีเดียว ต้องวิ่งวันละ 10 ไมล์ เพื่อลดน้ำหนัก แถมกินยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญอีก จนวันพฤหัส มีข่าวว่า ทาง UFC และ แลนส์เบิร์ก ยอมให้ ไซบอร์ก ชั่ง 141 ปอนด์ได้ เพราะในสัญญานั้นระบุอยู่แล้วว่าตกลงกันที่ 140 บวกลบ 1 ปอนด์ ถึงวันชั่งน้ำหนักทาง ไซบอร์ก ก็มาที่ 141 ผ่านหวุดหวิด
ก่อนหน้านี้ การทำน้ำหนักในพิกัด 145 ของ ไซบอร์ก ก็ถือว่าลำเค็ญมากอยู่แล้ว พอต้องลงมาที่ 140 หรือแม้แต่ 141 ก็เลยต้องลดน้ำหนักแบบหฤโหดแบบนี้ และทีมแพทย์เคยแนะนำแล้วว่าทำ 135 จะไม่ดีกับสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เรื่องนี้เป็นปัญหาหลักอย่างเดียวแล้วที่จะทำให้ ไซบอร์ก ไม่สามารถเปิด “เมกะไฟต์” กับบรรดาสาว ๆ ยอดฝีมือในรุ่น 135 ได้ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์คนปัจจุบัน อมันดา นูเนซ หรือ โฮล์ม, มีชา เทต แม้ว่านักสู้สาวเหล่านี้จะเปิดทางแล้วว่ายินดีเปิดศึกกับ ไซบอร์กที่ 140 หรือ 141 ก็ตาม แต่แบบนั้นแฟน ๆ รู้ดีว่า ไซบอร์ก ได้เปรียบรูปร่างเยอะมาก ที่สำคัญที่สุด ไฟต์หมื่นล้านกับ “อีสาวคาวบอย” เราซีย์ เมื่อเธอพร้อมคืนสังเวียน ก็น่าจะยิ่งยากขึ้นไปอีก พวกเราก็ได้แต่ตามลุ้นว่าจะเกิดไฟต์มันส์ ๆ เหล่านี้ให้เราตามชมตามเชียร์กันได้หรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
