สอดสายตาโปรเจ้าถิ่น ใครมีลุ้นซิว “ดิ โอเพน”

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - ศึกเมเจอร์ “ดิ โอเพน” ครั้งที่ 145 ชิงเงินรางวัลรวม 9.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 325 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 14-17 กรกฎาคมนี้ ณ รอยัล ทรูน กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,190 หลาพาร์ 71 สกอตแลนด์ โดย รอรีย์ แม็คอิลรอย จากไอร์แลนด์เหนือ ถือเป็นโปรสหราชอาณาจักรคนสุดท้ายที่ได้แชมป์เมื่อปี 2014 ส่วนปีนี้หากจะกวาดสายตาไปยังผู้เล่นเจ้าถิ่นก็คงหนีไม่พ้นรายชื่อดังต่อไปนี้ที่มีโอกาสสูงในการคว้าถ้วย “คลาเร็ต จัก”

รอรีย์ แม็คอิลรอย - เจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อ 2 ปีก่อนที่ ฮอยเลก ซึ่งเจ้าตัวชอบการเล่นบนสนามที่ยาวและนุ่มกว่าปกติ อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของอดีตมือ 1 ของโลกเชื่อว่าสามารถคว้าแชมป์ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ถ้าอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด แต่ที่ รอยัล ทรูน ในปีนี้สนามนั้นค่อนข้างที่จะสั้น ส่วนปีที่แล้วโปรวัย 27 ปีจากไอร์แลนด์เหนือจำต้องส่งใบลา เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บข้อเท้าที่เกิดจากการเล่นฟุตบอล ล่าสุดเรียกความมั่นใจด้วยการคว้าที่ 3 ยูโรเปียน ทัวร์ รายการ “โอเพน เดอ ฟรองซ์” เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีกทั้งปีนี้ได้แชมป์ไปแล้ว 1 ถ้วยคือ “ดูไบ ดิวตี ฟรี ไอริช โอเพน” เมื่อเดือนพฤษภาคม

จัสติน โรส - เหลือเชื่อว่าเกือบ 20 ปีแล้วหลังโปรชาวอังกฤษปรากฎตัวด้วยการคว้าท็อป 5 ศึก “ดิ โอเพน” ระดับสมัครเล่น อีกทั้งผลงานที่ดีที่สุดคือคว้าที่ 4 เมื่อปี 1998 ที่ รอยัล เบิร์กเดล ดังนั้นน่าเป็นห่วงว่าจะไม่เหมาะกับเกมสั้นที่ รอยัล ทรูน นอกจากนี้หลายคนยังตั้งคำถามถึงฟอร์มที่ดีของผู้เล่นมือ 11 ของโลกครั้งคว้าแชมป์เมเจอร์แรกและเมเจอร์เดียวคือศึก “ยูเอส โอเพน” เมื่อปี 2013 อย่างไรก็ตามปีที่แล้วกระเตื้องและคงเส้นคงวาจนคว้าที่ 6 ที่ เซนต์ แอนดรูว์ แต่ปัญหาของก้านเหล็กวัย 35 ปีก็คือตอนนี้ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่แผ่นหลังรังควาน

ลี เวสต์วูด - หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดที่ไม่เคยได้แชมป์เมเจอร์ เจ้าตัวรู้สึกว่าการเล่นที่ “ดิ โอเพน” ทุกครั้งมักจะยื่นโอกาสที่เยี่ยมที่สุดให้เสมอ ย้อนไปเมื่อปี 2013 เกือบที่จะได้ชูถ้วย “คลาเร็ต จัก” ทว่าสุดท้ายจบที่ 3 ส่วนผลงานที่น่าประทับใจที่สุดคือที่ 2 เมื่อปี 2010 ส่วนการเล่นที่ รอยัล ทรูน นั้นจะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเคยจบที่ 4 เมื่อปี 2004 ดังนั้นสนามสุดแสนจะเข้าทาง ด้านแรงบันดาลใจคงอยากได้แชมป์เช่นเดียวกับ ดาร์เรน คลาร์ก (ไอร์แลนด์เหนือ) เพื่อนซี้ที่ได้แชมป์เมื่อ 5 ปีก่อน ส่วนการเล่นเมเจอร์ในปีนี้นั้นโปรชาวอังกฤษจบที่ 2 ในศึก “เดอะ มาสเตอร์ส” มาแล้วด้วย

แดนนี วิลเล็ตต์ - เจ้าของตำแหน่งแชมป์เมเจอร์ “เดอะ มาสเตอร์ส” ที่ได้สวมเสื้อเขียวเมื่อต้นปี 2016 ที่ผ่านมา โดยอัตราต่อรองตอนนั้นอยู่ที่ 50/1 (แทง 1 ได้ 50 ไม่รวมทุน) โดยตอนนี้รั้งมือ 9 ของโลกดีที่สุดเหนือผู้เล่นอังกฤษทุกคน อย่างไรก็ตามผู้เล่นวัย 28 ปีจาก ยอร์กเชียร์ เหมือนจะมีปัญหาในการปรับตัวหลังได้แชมป์ เพราะไม่ผ่านตัดตัวศึก ยูโรเปียน ทัวร์ ทั้งในการเล่นที่ “บีเอ็มดับเบิลยู อินเตอร์เนชันแนล โอเพน” ตามด้วย “โอเพน เดอ ฟรองซ์” ดังนั้นจึงดูเหมือนจะปราศจากแผนและการเตรียมตัวที่ดีสำหรับการเล่นเมเจอร์ที่ 3 ของปี ส่วน “ยูเอส โอเพน” ที่ผ่านมานั้นจบที่ 37 ด้าน “ดิ โอเพน” ปีที่แล้วจบที่ 6 ทว่าสำหรับปีนี้นั้นคงเป็นเรื่องยากเต็มที

ฌอน ลอว์รีย์ - เกือบได้แชมป์ “ยูเอส โอเพน” ที่ผ่านมา ทว่ารอบสุดท้ายดันเล่นด้วยฟอร์มที่น่าผิดหวังจึงจบที่อันดับพระรอง จากนั้นเจ้าตัวพยายามสลัดความผิดหวังที่ โอ๊กมอนต์ แต่ก็เหมือนจะทำได้ไม่ดีนัก ล่าสุดคือไม่ผ่านตัดตัวศึก ยูโรเปียน ทัวร์ รายการ “อเบอร์ดีน แอสเซต แมเนจเมนต์ สกอตติช โอเพน” ทั้งที่เมื่อพิจารณาจากสนามแล้วก็น่าจะเหมาะกับสไตล์ แต่ที่ รอยัล ทรูน นั้นโปรไอร์แลนด์เหนือวัย 29 ปีมีลุ้นที่จะแก้มืออีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วไม่ผ่านตัดตัวในการเล่น “ดิ โอเพน”

รัสเซลล์ น็อกซ์ - ผู้เล่นวัย 31 ปีชาวสกอตต์ มาถึง รอยัล ทรูน ด้วยฟอร์มอันน่าประทับใจ หลังจากจบที่ 9 ศึก ยูโรเปียน ทัวร์ รายการ “อเบอร์ดีน แอสเซต แมเนจเมนต์ สกอตติช โอเพน” ซึ่งก็น่าจะได้รับการจับตามองและเรียกเสียงเชียร์ได้ไม่น้อยในฐานะเจ้าถิ่นของสนามแห่งนี้ แม้ว่าจะวืดตัดตัว “ดิ โอเพน” เมื่อปีที่แล้ว ทว่าก็ก้าวไปคว้าแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ รายการ “ดับเบิลยูจีซี-เอชเอสบีซี แชมเปียนส์”

แม็ทธิว ฟิตซ์แพทริก - ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าหนูวัย 21 ปีคือดาวรุ่งคนหนึ่งที่น่าจับตามองที่สุดในวงการกอล์ฟโลกเวลานี้ โดยเมื่อต้นปีจบที่ 7 ในศึกเมเจอร์ “เดอะ มาสเตอร์ส” ก่อนที่โปรชาวอังกฤษจะไปคว้าแชมป์ ยูโรเปียน ทัวร์ รายการ “นอร์เดีย มาสเตอร์ส” ที่ประเทศสวีเดน ซึ่งถือเป็นแชมป์ที่ 2 ในชีวิตต่อจาก “บริติช มาสเตอร์ส” เมื่อปี 2015

เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
รอรีย์ ซ้อมอย่างหนัก