เจน ปิยะทัต ที่ปรึกษาสโมสรแบดมินตันแกรนนูลาร์ แจงสาเหตุ “รัชนก” ตรวจโด๊ปไม่ผ่าน มาจากทีมแพทย์ของสมาคมฯ ที่ไม่แจ้งว่ามีการรักษาเข่าก่อนแข่ง “อูเบอร์ คัพ” ส่อโทษแบนขนไก่สาวนานถึง 4 ปี พร้อมชวดแข่งโอลิมปิก 2016
จากกระแสข่าว “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักตบขนไก่หญิงเดี่ยวมือ 4 ของโลก ที่ถือว่าเป็นความหวังสูงสุดของทีมแบดมินตันไทย ที่จะคว้าเหรียญโอลิมปิก 2016 ถูกตรวจพบสารต้องห้าม และมีโอกาสถูกตัดสิทธิ์ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 5 - 21 สิงหาคม ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล
โดย นายเจน ปิยะทัต ที่ปรึกษาสโมสรแบดมินตันแกรนนูลาร์ ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการแบดมินตันมาอย่างยาวนาน ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของการตรวจพบสารกระตุ้นในครั้งนี้ มาจากการแข่งขันประเภททีมหญิง ชิงแชมป์โลก อูเบอร์คัพ เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่เมืองคูชาน ประเทศจีน โดยก่อนการแข่งขัน “น้องเมย์” ได้รักษาอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ภายใต้การดูแลของสมาคมแบดมินตันฯ ทว่า ไม่มีการแจ้งกับ “วาดา - เอเชีย” ว่า มีการใช้ยาตัวใดรักษา ทำให้ส่งผลกระทบมาถึงขนไก่สาวมือ 1 ของไทย
“การแข่งขันครั้งนั้น เป็นการแข่งในนามทีมชาติไทย ซึ่งมีการตรวจสารกระตุ้นก่อนแข่งขันอยู่แล้ว และมีเจ้าหน้าที่ของทางสมาคมฯ ตามไปดูแล และให้ข้อมูลที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ เพราะจะต้องมีการกรอกแบบสอบถามประมาณว่า “ก่อนแข่งกินยาอะไรมาบ้าง หรือมีการรักษาอาการต่าง ๆ โดยยาชนิดใด” ซึ่งทีมแพทย์ประจำที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางสมาคมฯ ต้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือให้กับนักกีฬา”
“ในฐานะที่แกรนนูลาร์ส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่างประเทศเป็นประจำ และนักกีฬาก็ต้องผ่านการรักษาอาการบาดเจ็บมาทั้งสิ้น ส่วนตัวผมมีหน้าที่เข้าไปชี้แจงว่าได้ใช้ตัวยาใดรักษาไปบ้าง ซึ่งอาการบาดเจ็บหัวเข่าเช่นเดียวกันนั้น จะใช้ตัวยา “สเตียรอยด์” ในการรักษา ซึ่งอยู่ในข่ายของสารกระตุ้น แต่ถ้ามีการแจ้งก่อนตรวจ ฝ่ายจัดก็จะดูว่าเป็นการใช้เพื่อการรักษาจริงหรือไม่ ซึ่งกรณีของน้องเมย์ไม่มีใครไปแจ้ง ทำให้ถูกลงโทษไปตามกฎระเบียบ”
ทั้งนี้ นายเจน ยังเผยถึงโทษที่จะได้รับหากได้รับการยืนยันว่าผิดจริง ๆ คือ การโดนแบนถึง 4 ปี ซึ่งจะมีผลทันที ทำให้มีโอกาสที่จะถูกถอนตัวจากการแข่งขัน โอลิมปิก 2016 ในเดือนหน้านี้ด้วย “อย่างกรณีของ ลี ชอง เหว่ย นักแบดมินตันชายเดี่ยวชาวมาเลเซีย ต้องโทษแบน 2 ปี แต่สมาคมฯ ของเขาได้ยื่นเอกสารยืนยันว่า มีการใช้ยาเพื่อการรักษา ทำให้เหลือโทษแบนเพียง 8 เดือน ดังนั้น หากต้องการช่วยน้องเมย์เบื้องต้น คือ ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ช่วยยืนยันผลการรักษา ซึ่งโทษจะได้รับน้อยลง แต่คิดว่าคงจะไม่ทันการแข่งขันโอลิมปิก ที่จะมาถึงอย่างแน่นอน”
พร้อมกันนี้ “เสี่ยเจน” ยังได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ็คของตัวเองถึงกรณี รัชนก ด้วยข้อความดังต่อไปนี้
น่าตกใจกับข่าวของ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ กับการที่ตรวจพบสารกระตุ้นในรายการแข่งขันแบดมินตันโทมัสคัพ อูเบอร์คัพ ที่ประเทศจีน ที่ผ่านมา การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งในนามทีมชาติไทย ซึ่งก่อนการตรวจทุกครั้งควรจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของทางสมาคมฯ ตามไปดูแล และให้ข้อมูลที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ เพราะจะต้องมีการกรอกแบบสอบถามประมาณว่า “ก่อนแข่งกินยาอะไรมาบ้าง หรือมีการรักษาอาการต่าง ๆ โดยยาชนิดใด” ซึ่งทีมแพทย์ประจำที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางสมาคมฯ ต้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือให้กับนักกีฬา และถ้าทำอย่างมีขั้นตอนจะไม่มีเหตุการณ์แบบนึ้เกิดขึ้น ข่าวนี้ผมทราบเบื้องต้นมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่เป็นความจริง แต่ถ้าคำภาวนาของผมไม่เป็นผล จะทำอย่างไรกับการแก้ปัญหานี้ จะมีแบบ น้องเมย์ รัชนก เกิดขึ้นมาได้อีกกี่คน และจะเกิดปัญหาแบบนี้อีกไหม ขอให้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาวิธีการทำงานให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำงานให้เป็นงาน พัฒนาวงการให้ดีขึ้น ไม่ใช่แย่ลง อยากให้ตั้งใจทำงานให้ละเอียดถี่ถ้วน และที่สำคัญ ใช้คนที่เหมาะสมกับงาน ใช้เวลากับการทำงานของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ให้มากขึ้น ให้มีประโยชน์ ไม่เอาแต่สร้างภาพลักษณ์ มีเรื่องหนัก ๆ มา หายไปไหนกันหมด คิดจะช่วยเค้าอย่างไร หรือจะรอถ่ายรูปตอนที่เค้าได้เหรียญโอลิมปิกกลับมาเท่านั้น
จากกระแสข่าว “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักตบขนไก่หญิงเดี่ยวมือ 4 ของโลก ที่ถือว่าเป็นความหวังสูงสุดของทีมแบดมินตันไทย ที่จะคว้าเหรียญโอลิมปิก 2016 ถูกตรวจพบสารต้องห้าม และมีโอกาสถูกตัดสิทธิ์ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 5 - 21 สิงหาคม ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล
โดย นายเจน ปิยะทัต ที่ปรึกษาสโมสรแบดมินตันแกรนนูลาร์ ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการแบดมินตันมาอย่างยาวนาน ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของการตรวจพบสารกระตุ้นในครั้งนี้ มาจากการแข่งขันประเภททีมหญิง ชิงแชมป์โลก อูเบอร์คัพ เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่เมืองคูชาน ประเทศจีน โดยก่อนการแข่งขัน “น้องเมย์” ได้รักษาอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ภายใต้การดูแลของสมาคมแบดมินตันฯ ทว่า ไม่มีการแจ้งกับ “วาดา - เอเชีย” ว่า มีการใช้ยาตัวใดรักษา ทำให้ส่งผลกระทบมาถึงขนไก่สาวมือ 1 ของไทย
“การแข่งขันครั้งนั้น เป็นการแข่งในนามทีมชาติไทย ซึ่งมีการตรวจสารกระตุ้นก่อนแข่งขันอยู่แล้ว และมีเจ้าหน้าที่ของทางสมาคมฯ ตามไปดูแล และให้ข้อมูลที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ เพราะจะต้องมีการกรอกแบบสอบถามประมาณว่า “ก่อนแข่งกินยาอะไรมาบ้าง หรือมีการรักษาอาการต่าง ๆ โดยยาชนิดใด” ซึ่งทีมแพทย์ประจำที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางสมาคมฯ ต้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือให้กับนักกีฬา”
“ในฐานะที่แกรนนูลาร์ส่งนักกีฬาไปแข่งขันต่างประเทศเป็นประจำ และนักกีฬาก็ต้องผ่านการรักษาอาการบาดเจ็บมาทั้งสิ้น ส่วนตัวผมมีหน้าที่เข้าไปชี้แจงว่าได้ใช้ตัวยาใดรักษาไปบ้าง ซึ่งอาการบาดเจ็บหัวเข่าเช่นเดียวกันนั้น จะใช้ตัวยา “สเตียรอยด์” ในการรักษา ซึ่งอยู่ในข่ายของสารกระตุ้น แต่ถ้ามีการแจ้งก่อนตรวจ ฝ่ายจัดก็จะดูว่าเป็นการใช้เพื่อการรักษาจริงหรือไม่ ซึ่งกรณีของน้องเมย์ไม่มีใครไปแจ้ง ทำให้ถูกลงโทษไปตามกฎระเบียบ”
ทั้งนี้ นายเจน ยังเผยถึงโทษที่จะได้รับหากได้รับการยืนยันว่าผิดจริง ๆ คือ การโดนแบนถึง 4 ปี ซึ่งจะมีผลทันที ทำให้มีโอกาสที่จะถูกถอนตัวจากการแข่งขัน โอลิมปิก 2016 ในเดือนหน้านี้ด้วย “อย่างกรณีของ ลี ชอง เหว่ย นักแบดมินตันชายเดี่ยวชาวมาเลเซีย ต้องโทษแบน 2 ปี แต่สมาคมฯ ของเขาได้ยื่นเอกสารยืนยันว่า มีการใช้ยาเพื่อการรักษา ทำให้เหลือโทษแบนเพียง 8 เดือน ดังนั้น หากต้องการช่วยน้องเมย์เบื้องต้น คือ ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ช่วยยืนยันผลการรักษา ซึ่งโทษจะได้รับน้อยลง แต่คิดว่าคงจะไม่ทันการแข่งขันโอลิมปิก ที่จะมาถึงอย่างแน่นอน”
พร้อมกันนี้ “เสี่ยเจน” ยังได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ็คของตัวเองถึงกรณี รัชนก ด้วยข้อความดังต่อไปนี้
น่าตกใจกับข่าวของ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ กับการที่ตรวจพบสารกระตุ้นในรายการแข่งขันแบดมินตันโทมัสคัพ อูเบอร์คัพ ที่ประเทศจีน ที่ผ่านมา การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งในนามทีมชาติไทย ซึ่งก่อนการตรวจทุกครั้งควรจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของทางสมาคมฯ ตามไปดูแล และให้ข้อมูลที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ เพราะจะต้องมีการกรอกแบบสอบถามประมาณว่า “ก่อนแข่งกินยาอะไรมาบ้าง หรือมีการรักษาอาการต่าง ๆ โดยยาชนิดใด” ซึ่งทีมแพทย์ประจำที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางสมาคมฯ ต้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือให้กับนักกีฬา และถ้าทำอย่างมีขั้นตอนจะไม่มีเหตุการณ์แบบนึ้เกิดขึ้น ข่าวนี้ผมทราบเบื้องต้นมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่เป็นความจริง แต่ถ้าคำภาวนาของผมไม่เป็นผล จะทำอย่างไรกับการแก้ปัญหานี้ จะมีแบบ น้องเมย์ รัชนก เกิดขึ้นมาได้อีกกี่คน และจะเกิดปัญหาแบบนี้อีกไหม ขอให้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาวิธีการทำงานให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำงานให้เป็นงาน พัฒนาวงการให้ดีขึ้น ไม่ใช่แย่ลง อยากให้ตั้งใจทำงานให้ละเอียดถี่ถ้วน และที่สำคัญ ใช้คนที่เหมาะสมกับงาน ใช้เวลากับการทำงานของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ให้มากขึ้น ให้มีประโยชน์ ไม่เอาแต่สร้างภาพลักษณ์ มีเรื่องหนัก ๆ มา หายไปไหนกันหมด คิดจะช่วยเค้าอย่างไร หรือจะรอถ่ายรูปตอนที่เค้าได้เหรียญโอลิมปิกกลับมาเท่านั้น