“โด้” นำทัพ “โปรตุเกส” ชนแผงกลางสุดปึ้กของ “ไอซ์แลนด์”

เอเยนซี - โปรแกรมศึก ยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสวันอังคารที่ 14 มิถุนายนนี้มีโม่แข้งกันแค่ 2 คู่เท่านั้น โดยไปกันที่นัดแรกของกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่ม เอฟ ที่ดูชื่อชั้นชาติร่วมสายแล้วน่าจะอ่อนที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ก็ว่าได้ เริ่มที่เวลา 5 ทุ่ม ออสเตรีย พบ ฮังการี ตามด้วยตี 2 โปรตุเกส พบ ไอซ์แลนด์

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ โปรตุเกส ซึ่งนำทัพโดยดาวเด่นอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุกค่าย รีล มาดริด ที่ฤดูกาลล่าสุดเพิ่งได้แชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก โดยกำลังไล่ตามหาความสำเร็จระดับนานาชาติเพื่อเติมเต็มเส้นทางชีวิตค้าแข้งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเกียรติยศสุดท้ายแล้วที่รอคอย

ที่ผ่านมาดูเหมือนว่า โปรตุเกส จะใกล้เคียงกับคำว่าตำแหน่งแชมป์ ยูโร มากที่สุดคือปี 2004 ที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนแพ้ กรีซ 0-1 นอกจากนี้ยังไปได้ไกลถึงด่านรองชนะเลิศ 3 ครั้ง โดยเมื่อปี 2012 เสียท่าแก่ สเปน ในการดวลจุดโทษ 2-4 หลังจาก 120 นาทียื้อสกอร์ 0-0 รวมทั้งหมดผ่านสังเวียนยุโรปมาแล้ว 6 ครั้ง ส่วนระดับ เวิลด์ คัพ ดีที่สุดคือปี 1966 คว้าที่ 3

ความหวังของ โปรตุเกส อยู่ที่ โรนัลโด ซึ่งปัจจุบันวัย 31 ปีแล้ว โดยเพิ่งกลับจากพักผ่อนก็มาลงสนามอุ่นเครื่องและยิงประตูได้ในเกมที่ถล่ม เอสโตเนีย 7-0 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา สิ่งที่น่ากังวลคือความฟิตของแข้ง รีล มาดริด เพราะเมื่อถึงทัวร์นาเมนต์สำคัญช่วงซัมเมอร์มักจะเล่นไม่ออก เนื่องจากร่างกายกรำศึกหนักตลอดทั้งซีซัน

เมื่อเหลือบมองผู้เล่นตำแหน่งอื่นของโปรตุเกสถือว่าเป็นอีกยุคที่น่าจะสร้างชื่อตามรอยรุ่นพี่ครั้งอดีตเช่น หลุยส์ ฟิโก กับ รุย คอสตา โดยกองกลางมี เรนาโต ซานเชซ วัยแค่ 18 ปีที่เพิ่งย้ายจาก เบนฟิกา ร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึง เจา มาริโอ วัย 23 ปีของ สปอร์ติง ลิสบอน ที่มีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากได้ตัว, อันเดร โกเมซ วัย 22 ปีจาก บาเลนเซียและ วิลเลียม คาร์วัลโญ ตัวตัดเกมวัย 24 ปีจาก สปอร์ติง ลิสบอน ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองระดับนานาชาติ

นอกจากนี้แนวรับอาศัยตัวเก๋าทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น บรูโน อัลเวส วัย 34 ปี, เปเป วัย 33 ปีจาก รีล มาดริด, โชเซ ฟอนเต วัย 32 ปีจาก เซาแธมป์ตัน และ ริคาร์โด คาร์วัลโญ วัย 38 ปีจาก โมนาโก อีกทั้งตัวรุกอย่าง เจา มูตินโญ, หลุยส์ นานี และ ริคาร์โด ควาเรสมา เรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับกุนซือ เฟอร์นานโด ซานโต๊ส จะผสมผสานอย่างไรให้กลมกล่อม

ส่วน ไอซ์แลนด์ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ชาติ เนื่องจากเล่นฟุตบอลระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรก โดยรอบคัดเลือก ยูโร เข้ามาในฐานะรองแชมป์ตามหลัง สาธารณรัฐเช็ก ผลงานชนะมาแล้วทั้ง เช็ก, เนเธอร์แลนด์ส และ ตุรกี

อย่างไรก็ตาม ไอซ์แลนด์ จะโดดเด่นที่แผงกองกลาง เพราะมีนักเตะชื่อชั้นที่คุ้นหู อาทิ กิลฟี ซิกูร์สสัน จอมทัพจาก สวอนซี ซิตี, อารอน กุนนาร์สสัน จากคาร์ดิฟฟ์ ซิตี และ เอมิล ฮัลเฟรออสสัน ตัวปั้นเกมจาก อูดิเนเซ รวมถึงที่ลืมไม่ได้เลยคือ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซน หนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของประเทศเคยสร้างชื่อคว้าแชมป์มากมายกับ เชลซี และ บาร์เซโลนา

ปัจจุบัน กุ๊ดยอห์นเซน วัย 37 ปีเล่นให้กับ โมลด์ โดยเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดของ ไอซ์แลนด์ คือ 26 ประตูจาก 86 นัด ซึ่งถือเป็นวันที่เจ้าตัวน่าจะภาคภูมิใจที่ได้ลงรับใช้ชาติในทัวร์นาเมนต์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต หลังติดธงชุดใหญ่ครั้งแรกตอนอายุ 17 ปีเมื่อปี 1996 ถูกเปลี่ยนลงมาแทน อาร์นอร์ ผู้เป็นพ่อ

สำหรับตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าคาดว่าจะเป็น อัลเฟรด ฟินน์โบกาสัน ของ รีล โซเซียดัด โดยฤดูกาลที่แล้วถูกปล่อยให้ เอาก์สบวร์ก ยืมตัวใช้งาน โดยยิงไป 7 ประตูจาก 15 นัดบนเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน อีกคนก็คือ โคลเบียนน์ ซิกธอร์สสัน เล่นกับ น็องต์ส ซัดในทีมชาติไป 20 ประตูจาก 39 นัดในทีมชุดนี้เป็นรองแค่ กุ๊ดยอห์นเซน