คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ได้รับความสนใจไม่น้อยสำหรับ “ยูนิฟอร์มใหม่” ของทัพนักเตะทีมชาติไทย ที่สวมใส่ลงสู้ศึก ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 ประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 3 - 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นจากนักสะสม ตลอดจนแฟนบอลทั่วไป
การศึกครั้งนี้ “แกรนด์สปอร์ต” ในฐานะผู้ดูแลสิทธิ์ชุดแข่งขันทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เลือกที่จะออกแบบชุดในสไตล์ย้อนยุค โดยยึดรูปแบบเดียวกับที่ ทัพนักเตะทีมชาติสยามชุดแรกในประวัติศาสตร์สวมใส่เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เพื่อระลึกในวาระครบรอบ 1 ศตวรรษลูกหนังไทย
โดยเสื้อแข่งที่ขุนพลช้างศึกใส่นั้น มีลวดลายตามต้นฉบับแบบดั้งเดิม คือ ลายทางสีแดงสลับขาว และไฮไลต์อยู่ที่ “ตราพระมหามงกุฎ” อันเป็นเครื่องหมายเกียรติยศ “การรักชาติ” ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว “องค์บิดาแห่งฟุตบอลเมืองสยาม” ที่ได้ประทานแก่นักเลงฟุตบอลสยาม ประทับอยู่บนอกด้านซ้าย
ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้ชุดแข่งนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนบอล หลังจากที่มีกระแสหลายฝ่ายมองว่า สมาคมฟุตบอลไทยฯ ควรเลือกใช้ “ตราพระมหามงกุฎ” แทนโลโก้ “ช้างศึก” ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีความขลัง และดูฮึกเหิมมากกว่า ส่วนเรื่องการออกแบบหรือลวดลายต่าง ๆ ที่มีความเห็นต่างกันในเรื่องความงามนั้น ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน แต่จะตั้งแง่ว่า “แกรนด์สปอร์ต” ออกแบบไม่สวย หรือไปคล้ายกับสโมสรฟุตบอลบางทีมก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะชุดนี้มีต้นแบบเดิมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ “แกรนด์สปอร์ต” ยังได้ทำการผลิตชุดออกมาเป็น 2 เวอร์ชัน คือ “Player version” หรือเกรดเดียวกับที่นักฟุตบอลใส่ ราคาตัวละ 1,390 บาท และ “Replica” หรือแบบจำลองเกรดแฟนบอล ราคา 590 บาท โดย Player version นั้น มีความพิเศษกว่าในเรื่องของเนื้อผ้าที่ทอต่อกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีเลเซอร์คัตลายประจำยามด้านข้างลำตัว มีสัญลักษณ์เลขไทย ๑๐๐ ปี บริเวณคอด้านหลัง รวมถึงตราพระมหามงกุฎที่เป็นเฟ็ก 3 มิติ และยังมาพร้อมกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามเหมาะสำหรับการเก็บเป็นที่ระลึก จึงทำให้เป็นที่หมายปองของนักสะสมและแฟนบอลที่ต้องการบันทึกประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม หากวัดกันที่ราคาก็คงต้องยอมรับว่ามูลค่าสูงมิใช่น้อย โดยเฉพาะกับ วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ที่จะต้องควักกระเป๋าพันกว่าบาทในการจับจอง หลายคนจึงเลือกไปที่เกรด Replica ในราคาที่ต่ำกว่าเป็นเท่าตัวแทน แม้จะไม่ได้ความพิเศษเหมือนต้นฉบับก็ตาม แต่ก็ยังรับได้กับการไม่มีลายประจำยาม และเลขไทย ๑๐๐ ปี รวมถึงตราพระมหามงกุฎที่เป็นเพียงงานปัก
แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า หลายคนคงแอบน้อยใจอยู่บ้างในเรื่องลวดลายที่เกรด Player ใช้สีแดงสลับขาวทั้งด้านหน้าและด้านหลังเสื้อ ทว่า เกรด Replica กลับใจร้ายมีเพียงด้านหน้าด้านเดียว ส่วนด้านหลังเป็นสีแดงล้วน ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเกินไประหว่างทั้ง 2 แบบ แฟนบอลที่อยากจะได้เสื้อลวดลายเดียวกับที่แข้งขวัญใจใส่ลงสนามก็คงต้องคิดหนักว่าจะทุ่มเงินดีหรือไม่
เมื่อเป็นเช่นนี้ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์และความพึงพอใจของแต่ละคนว่าจะเลือกแบบไหน แต่ต้องบอกว่ากระแสเสื้อใหม่นั้นคึกคักเป็นอย่างมาก และอาจเป็นเพียงโอกาสพิเศษนี้เท่านั้น เนื่องจากทัวร์นาเมนต์อื่น ๆ ยังไม่การันตีว่าจะยังคงสวมชุดนี้ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะในรายการที่ต้องลงทะเบียนกับฟีฟา และ เอเอฟซี