ปี 2016 มีอีกหนึ่ง “น้องใหม่” ที่เล่นศึก ยูโร รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม คู่แข่งร่วมกลุ่ม บี อย่าง อังกฤษ, เวลส์ และ รัสเซีย จะประมาท สโลวาเกีย ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะเป็นชาติที่มีแข้งดาวเด่นเล่นให้กับสโมสรดังของยุโรปหลายต่อหลายคนที่อาจทำให้ใครต่อใครน้ำตาตกได้ทุกเมื่อ
จอมล้มยักษ์ - ด้วยประชากรแค่ราว 5.4 ล้านคน สโลวาเกีย ถือเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ถ้าเป็นเกมลูกหนังไม่เคยยอมจำนนให้ใคร โดยในศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2014 เปิดบ้านชนะ สเปน มาแล้ว 2-1 นอกจากนี้ ในศึก เวิลด์ คัพ 2010 ที่ แอฟริกาใต้ ก็ล้มยักษ์ใหญ่อย่าง อิตาลี 3-2 ในรอบแบ่งกลุ่มคว้าตั๋วทะลุด่าน 16 ทีมสุดท้ายมาแล้ว
มรดกตกทอด - สโลวาเกีย นั้นแยกตัวมาจาก เชโกสโลวาเกีย ที่มีดีกรีแชมป์ปี 1976 โดยเกิดขึ้นเมื่อปี 1993 ส่วน สาธารณรัฐเช็ก นับตั้งแต่แยกตัวก็สร้างปรากฏการณ์เป็นรองแชมป์ ยูโร เมื่อปี 1996 จากนั้นก็เป็นขาประจำของศึก ยูโร รอบสุดท้ายเสมอมา ด้าน สโลวาเกีย ปี 2016 นี้ ถือเป็นการเล่นครั้งแรก ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะมีเซอร์ไพรส์หรือไม่
แข้งดาวเด่น - สโลวาเกีย มีนักเตะที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรดังของลีกยุโรปมากมาย อาทิ มาร์ติน สเคอร์เทล กองหลังกัปตันทีมที่ค้ำหลังบ้านให้ ลิเวอร์พูล เข้าสู่ฤดูกาลที่ 9 รวมถึงจอมทัพอย่าง มาเร็ค ฮามซิค ของ นาโปลี นอกจากนี้ ยังมี ยูราจ คุกกา กองกลาง เอซี มิลาน กับ ปีเตอร์ เพคาริก ฟูลแบ็ก แฮร์ธา เบอร์ลิน
นักเตะต่างชาติ - รัฐบาลไม่ค่อยมีนโยบายต้อนรับแรงงานข้ามชาติ แต่เรื่องฟุตบอลยกเว้น เพราะ คาริม อับดุล-จับบาร์ เกิดใน ฮัมบูร์ก พ่อเป็นฝรั่งเศสส่วนแม่เป็นโตโก ซึ่งก็เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ให้ทีมชาติสโลวาเกีย ปัจจุบันสังกัด ไฟร์บวร์ก อยู่ใน ดิวิชัน 2 ของประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ ยังมี เลอันเดร ทาวัมบา กานา กองหน้าวัย 26 ปี ที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกหากจะเรียกติดธง
โค้ชดีเดือด - สโลวาเกียมีสิ่งที่เหมือนประเพณี คือ ใช้โค้ชในประเทศเท่านั้น โดย แยน โคซัก คุมมาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งมีประวัติด่างพร้อยสมัยคุมสโมสรอย่าง เอฟซี โคซิช เคยทำร้ายโค้ชผู้รักษาประตูของฝ่ายตรงข้ามจนต้องเข้ารับการผ่าตัดมาแล้ว แถมก่อนหน้านี้ ทีมเคยใช้บริการ โจเซฟ อดาเม็ก ซึ่งเคยถูกแบน 267 วันจากการทำร้ายร่างกายนักข่าวด้วย
