คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
หลังจากร้างสนามไปนานกว่า 1 ปี 5 เดือน ในที่สุด ชาริล ชัปปุยส์ ก็สามารถสลัดอาการบาดเจ็บคัมแบ๊กคืนสู่สังเวียนได้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่ยังต้องลุ้นกันว่าจะมีชื่อติดธงไทยลุยศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 ช่วงเดือนมิถุนายน นี้หรือไม่
แข้งลูกครึ่งไทย - สวิส มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า หลังเป็นกำลังสำคัญพาทัพ “ช้างศึก” คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2014 ก่อนจะตรวจพบว่าอาการดังกล่าวร้ายแรงกว่าที่ใครหลายคนคิด โดยพบเนื้อเยื่อที่เข่าฉีกขาด และกระดูกอ่อนแตก ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายกระดูก ส่งให้เจ้าตัวต้องลัดฟ้าไปรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่บ้านเกิดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียวหลังจากนั้น
เวลาล่วงเลยผ่านไป 1 ปี 4 เดือน อาการของ ชัปปุยส์ ดีขึ้นเรื่อย ๆ สามารถร่วมซ้อมกับทีมได้ ก่อนจะมีสัญญาณที่ดี ได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องในฐานะตัวสำรองเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้คืนสนามในเกมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แมตช์ที่ต้นสังกัด สุพรรณบุรี เอฟซี เปิดบ้านชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อค่ำวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสู่สนามในนาทีที่ 80 ของเกม ท่ามกลางเสียงกรี๊ดลั่นสนาม
ทว่ายังไม่ทันจะได้คัมแบ๊กเต็มตัวก็เกิดกระแสข่าวทำนองความคิดเห็นขัดแย้งกันเป็นสองฝ่าย เมื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย แย้มว่าเตรียมพิจารณาเรียกเจ้าตัวติดทัพ “ช้างศึก” ลุยฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 โดยมีโปรแกรม พบ ซีเรีย วันที่ 3 มิถุนายน หากผ่านได้จะเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปปะทะ พู้ชนะระหว่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กับ จอร์แดน ในวันที่ 5 มิถุนายน
ฝ่ายแรกมองว่า ชัปปุยส์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ยังไม่สมควรที่จะถูกเรียกติดทีมชาติทันที เนื่องจากอาจจะเจ็บซ้ำคำรบสองได้ ควรปล่อยให้ได้มีเวลาพักเรียกความฟิตบ้าง ซึ่งแนวคิดนี้ “บิ๊กท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรสุพรรณบุรีฯ ได้เกริ่นเป็นนัยดักคอไว้แล้ว ขณะที่อีกฝ่ายมีความเห็นว่าเมื่อฟิตพอที่จะลงเล่นให้สโมสร ก็ไม่มีปัญหาที่จะรับใช้ชาติ
เรื่องนี้ต้องมองให้ลึกเข้าไปในมุมของทั้งสองฝ่าย ทางต้นสังกัด “ช้างศึกยุทธหัตถี” ถือเป็นผู้โชคร้ายตัวจริง เพราะต้องแบกเงินเดือนของนักเตะที่ว่ากันว่าสูงถึง 7 แสนบาท มาเป็นปีโดยไม่ได้ใช้งาน เบ็ดเสร็จอย่างต่ำๆรวมแล้วเกือบ 12 ล้านบาทเลยทีเดียว ที่สำคัญอาการเจ็บดังกล่าวกำเริบในช่วงระหว่างการรับใช้ชาติเสียด้วย
แต่ทั้งนี้จะบอกว่าทีมชาติไม่มีความยุติธรรม รอชุบมือเปิบอย่างเดียวก็เกินไป เพราะหากใครจำได้กระแสความฮอตติดลมบนของแข้งวัย 24 ปีรายนี้ก็มาจากการประสบความสำเร็จร่วมกับทัพ “ช้างศึก” จนสโมสรได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมในตัว จากเดิมที่ย้ายจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาใหม่ๆกระแสเริ่มซาเนื่องจากไม่มีผลงานที่โดดเด่น
ดังนั้นหากจะลองเชื่อใจในตัว “ซิโก้” ก็คงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะเจ้าตัวน่าจะรู้วิธีการใช้งาน ชัปปุยส์ เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งกุนซือวัย 42 ปีเพียงแค่เปรยว่าหากมีความฟิตและผลงานดีก็จะเรียกเข้ามาเท่านั้น ยังไม่ได้การันตีว่าจะใช้งานหรือส่งลงสนามแต่อย่างใด เหมือนหลายครั้งที่เรียกนักเตะหน้าใหม่เข้ามาติดทีม ร่วมซ้อมกับทีม ซึมซับบรรยากาศแต่ไม่จำเป็นต้องส่งลงเล่น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะส่งผลดีต่อตัว ชัปปุยส์ แน่นอน เพราะอย่างลืมว่าหลังจากนี้ยังมีโปรแกรมสำคัญในการคัดฟุตบอลโลกรออยู่ ยิ่งได้กลับเข้าสู่บรรยากาศเดิมๆเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
หลังจากร้างสนามไปนานกว่า 1 ปี 5 เดือน ในที่สุด ชาริล ชัปปุยส์ ก็สามารถสลัดอาการบาดเจ็บคัมแบ๊กคืนสู่สังเวียนได้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่ยังต้องลุ้นกันว่าจะมีชื่อติดธงไทยลุยศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 ช่วงเดือนมิถุนายน นี้หรือไม่
แข้งลูกครึ่งไทย - สวิส มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า หลังเป็นกำลังสำคัญพาทัพ “ช้างศึก” คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2014 ก่อนจะตรวจพบว่าอาการดังกล่าวร้ายแรงกว่าที่ใครหลายคนคิด โดยพบเนื้อเยื่อที่เข่าฉีกขาด และกระดูกอ่อนแตก ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายกระดูก ส่งให้เจ้าตัวต้องลัดฟ้าไปรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่บ้านเกิดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียวหลังจากนั้น
เวลาล่วงเลยผ่านไป 1 ปี 4 เดือน อาการของ ชัปปุยส์ ดีขึ้นเรื่อย ๆ สามารถร่วมซ้อมกับทีมได้ ก่อนจะมีสัญญาณที่ดี ได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องในฐานะตัวสำรองเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้คืนสนามในเกมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แมตช์ที่ต้นสังกัด สุพรรณบุรี เอฟซี เปิดบ้านชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อค่ำวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสู่สนามในนาทีที่ 80 ของเกม ท่ามกลางเสียงกรี๊ดลั่นสนาม
ทว่ายังไม่ทันจะได้คัมแบ๊กเต็มตัวก็เกิดกระแสข่าวทำนองความคิดเห็นขัดแย้งกันเป็นสองฝ่าย เมื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย แย้มว่าเตรียมพิจารณาเรียกเจ้าตัวติดทัพ “ช้างศึก” ลุยฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 โดยมีโปรแกรม พบ ซีเรีย วันที่ 3 มิถุนายน หากผ่านได้จะเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปปะทะ พู้ชนะระหว่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กับ จอร์แดน ในวันที่ 5 มิถุนายน
ฝ่ายแรกมองว่า ชัปปุยส์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ยังไม่สมควรที่จะถูกเรียกติดทีมชาติทันที เนื่องจากอาจจะเจ็บซ้ำคำรบสองได้ ควรปล่อยให้ได้มีเวลาพักเรียกความฟิตบ้าง ซึ่งแนวคิดนี้ “บิ๊กท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรสุพรรณบุรีฯ ได้เกริ่นเป็นนัยดักคอไว้แล้ว ขณะที่อีกฝ่ายมีความเห็นว่าเมื่อฟิตพอที่จะลงเล่นให้สโมสร ก็ไม่มีปัญหาที่จะรับใช้ชาติ
เรื่องนี้ต้องมองให้ลึกเข้าไปในมุมของทั้งสองฝ่าย ทางต้นสังกัด “ช้างศึกยุทธหัตถี” ถือเป็นผู้โชคร้ายตัวจริง เพราะต้องแบกเงินเดือนของนักเตะที่ว่ากันว่าสูงถึง 7 แสนบาท มาเป็นปีโดยไม่ได้ใช้งาน เบ็ดเสร็จอย่างต่ำๆรวมแล้วเกือบ 12 ล้านบาทเลยทีเดียว ที่สำคัญอาการเจ็บดังกล่าวกำเริบในช่วงระหว่างการรับใช้ชาติเสียด้วย
แต่ทั้งนี้จะบอกว่าทีมชาติไม่มีความยุติธรรม รอชุบมือเปิบอย่างเดียวก็เกินไป เพราะหากใครจำได้กระแสความฮอตติดลมบนของแข้งวัย 24 ปีรายนี้ก็มาจากการประสบความสำเร็จร่วมกับทัพ “ช้างศึก” จนสโมสรได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมในตัว จากเดิมที่ย้ายจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาใหม่ๆกระแสเริ่มซาเนื่องจากไม่มีผลงานที่โดดเด่น
ดังนั้นหากจะลองเชื่อใจในตัว “ซิโก้” ก็คงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะเจ้าตัวน่าจะรู้วิธีการใช้งาน ชัปปุยส์ เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งกุนซือวัย 42 ปีเพียงแค่เปรยว่าหากมีความฟิตและผลงานดีก็จะเรียกเข้ามาเท่านั้น ยังไม่ได้การันตีว่าจะใช้งานหรือส่งลงสนามแต่อย่างใด เหมือนหลายครั้งที่เรียกนักเตะหน้าใหม่เข้ามาติดทีม ร่วมซ้อมกับทีม ซึมซับบรรยากาศแต่ไม่จำเป็นต้องส่งลงเล่น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะส่งผลดีต่อตัว ชัปปุยส์ แน่นอน เพราะอย่างลืมว่าหลังจากนี้ยังมีโปรแกรมสำคัญในการคัดฟุตบอลโลกรออยู่ ยิ่งได้กลับเข้าสู่บรรยากาศเดิมๆเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
