คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
การเลือกตั้งนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 สร้างกระแสข่าวฮือฮาในวงการกีฬาบ้านเราเป็นอย่างมาก เมื่อขาใหญ่อย่าง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เจ้าของตำแหน่งนายก 7 สมัย มาตกม้าตายพ่ายคะแนนขาดลอยให้แก่ สมบัติ เอื้อมมงคล อดีตนักกีฬาทีมชาติ 35-17 คะแนน วันนั้นหากใครความทรงจำดีจะเห็นสีหน้าและแววตาของ สุวัจน์ ว่าบ่งบอกอารมณ์อะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ถ้าให้เดาคิดว่าคงช็อกจากผลการลงคะแนน ก่อนเดินออกจากห้องประชุม
ขณะที่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อุปนายกสมาคม และประธานจัดการเลือกตั้ง เมื่อเห็นความเพลี้ยงพล้ำของฝ่ายบริหารชุดเก่า หลังการลงคะแนนจึงประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ด้วยเหตุผลว่ามีข้อเคลือบแคลงสงสัยถึงการลงคะแนน รวมถึงบอกว่าอาจมีสโมสรสมาชิกบางส่วนไม่ใช่ตัวแทนที่แท้จริง จึงส่งเรื่องให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ตรวจสอบ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่า กกท. จะไม่เห็นด้วย ภายหลังใช้เวลาตรวจสอบก่อนจะรับรองให้ สมบัติ รับตำแหน่งนายกสมาคมอย่างเป็นทางการ
ถึงตรงนี้เรื่องควรจะจบ ทว่าฝ่ายกลุ่มบริหารเก่ากลับยืนกระต่ายขาเดียวว่าเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สำเร็จสมบูรณ์ ผู้ว่า กกท. รับรองแบบนี้ยอมไม่ได้ จึงส่งเรื่องขึ้นฟ้องศาล ที่สำคัญไม่ยอมให้มีการส่งมอบงานแม้เวลาล่วงไปหลายเดือน ก่อนที่กลุ่ม "เสี่ยเอ๋" สมบัติ จะพยายามเข้าสมาคมและบีบให้มีการส่งมอบงานกัน ทว่างานนี้จบไม่สวยเมื่อดันมีการชกต่อยกันขณะที่กำลังวุ่นวายภายในลอนเทนนิส เรื่องนี้สร้างความเสื่อมเสียอย่างมาก แม้จะมีการยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของคู่กรณีก็ตาม
ผลกระทบมาแน่เพราะวันที่เกิดเรื่องชกต่อย ดันไปตรงกับวันที่มีการอบรมกีฬาเทนนิสต่อเยาวชนนานาชาติ และยังมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีต่อนักหวดเยาวชนไทยที่ประสบความสำเร็จจากการแข่งขันด้วย ภาพที่ออกมานอกจากไม่สวยแล้วยังเข้าขั้นเสื่อมทราม เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศชาติ ลามไปถึงการที่สหพันธ์เทนนิสเอเชีย หรือ "เอทีเอฟ" ส่งหนังสือขอยุติกิจกรรมเทนนิสทุกประการ ทุกประเภท รวมถึงความร่วมมือต่างๆ จนถึงขั้นต้องปิดสำนักงานที่เมืองไทยเป็นการชั่วคราว
แม้จะเสียงครหาตามมาว่าการยุติบทบาทชั่วคราวของ "เอทีเอฟ" ในเมืองไทย ที่มีอดีตนายกลอนฯ ผู้พ่ายแพ้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสอยู่ด้วยอาจมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ทว่ามันคงไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างดิสเครดิตกัน เพราะหมายรวมถึงชื่อเสียงประเทศไทย ที่สำคัญทุกวันนี้แฟนกีฬาหรือสื่อมวลชนก็ยังไม่มีใครรับทราบหรือได้ข้อมูลอะไรจากนายกลอนฯ คนใหม่ว่าตัวเองมีนโยบายบริหาร หรือจะพัฒนาอะไรบ้าง ไม่มีเลยจริงๆ
ใจจริงไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบกับสมาคมกีฬาอื่น แต่อดที่จะนึกถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มีการเลือกตั้งแล้วเปลี่ยนขั้วบริหาร เขาก็ไม่เห็นจะแคร์ที่ทำการสมาคมเก่า เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้นำใหม่ยกขบวนไปเปิดโรงแรมทำงานสบายใจเฉิบ (ก่อนได้รับส่งมอบงานและกุญแจสมาคมในภายหลัง) ถึงตอนนี้ สมบัติ เอื้อมมงคล ก็น่าจะเลียนแบบดูบ้าง ไม่เช่นนั้นมัวแต่รอจะเข้าที่ทำการสมาคมซึ่งเขาปิดประตูล็อคกุญแจแน่นหนาแล้ว ก็ไม่ต้องทำงานกันพอดี
การเลือกตั้งนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 สร้างกระแสข่าวฮือฮาในวงการกีฬาบ้านเราเป็นอย่างมาก เมื่อขาใหญ่อย่าง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เจ้าของตำแหน่งนายก 7 สมัย มาตกม้าตายพ่ายคะแนนขาดลอยให้แก่ สมบัติ เอื้อมมงคล อดีตนักกีฬาทีมชาติ 35-17 คะแนน วันนั้นหากใครความทรงจำดีจะเห็นสีหน้าและแววตาของ สุวัจน์ ว่าบ่งบอกอารมณ์อะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ถ้าให้เดาคิดว่าคงช็อกจากผลการลงคะแนน ก่อนเดินออกจากห้องประชุม
ขณะที่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อุปนายกสมาคม และประธานจัดการเลือกตั้ง เมื่อเห็นความเพลี้ยงพล้ำของฝ่ายบริหารชุดเก่า หลังการลงคะแนนจึงประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ด้วยเหตุผลว่ามีข้อเคลือบแคลงสงสัยถึงการลงคะแนน รวมถึงบอกว่าอาจมีสโมสรสมาชิกบางส่วนไม่ใช่ตัวแทนที่แท้จริง จึงส่งเรื่องให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ตรวจสอบ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่า กกท. จะไม่เห็นด้วย ภายหลังใช้เวลาตรวจสอบก่อนจะรับรองให้ สมบัติ รับตำแหน่งนายกสมาคมอย่างเป็นทางการ
ถึงตรงนี้เรื่องควรจะจบ ทว่าฝ่ายกลุ่มบริหารเก่ากลับยืนกระต่ายขาเดียวว่าเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สำเร็จสมบูรณ์ ผู้ว่า กกท. รับรองแบบนี้ยอมไม่ได้ จึงส่งเรื่องขึ้นฟ้องศาล ที่สำคัญไม่ยอมให้มีการส่งมอบงานแม้เวลาล่วงไปหลายเดือน ก่อนที่กลุ่ม "เสี่ยเอ๋" สมบัติ จะพยายามเข้าสมาคมและบีบให้มีการส่งมอบงานกัน ทว่างานนี้จบไม่สวยเมื่อดันมีการชกต่อยกันขณะที่กำลังวุ่นวายภายในลอนเทนนิส เรื่องนี้สร้างความเสื่อมเสียอย่างมาก แม้จะมีการยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของคู่กรณีก็ตาม
ผลกระทบมาแน่เพราะวันที่เกิดเรื่องชกต่อย ดันไปตรงกับวันที่มีการอบรมกีฬาเทนนิสต่อเยาวชนนานาชาติ และยังมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีต่อนักหวดเยาวชนไทยที่ประสบความสำเร็จจากการแข่งขันด้วย ภาพที่ออกมานอกจากไม่สวยแล้วยังเข้าขั้นเสื่อมทราม เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศชาติ ลามไปถึงการที่สหพันธ์เทนนิสเอเชีย หรือ "เอทีเอฟ" ส่งหนังสือขอยุติกิจกรรมเทนนิสทุกประการ ทุกประเภท รวมถึงความร่วมมือต่างๆ จนถึงขั้นต้องปิดสำนักงานที่เมืองไทยเป็นการชั่วคราว
แม้จะเสียงครหาตามมาว่าการยุติบทบาทชั่วคราวของ "เอทีเอฟ" ในเมืองไทย ที่มีอดีตนายกลอนฯ ผู้พ่ายแพ้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสอยู่ด้วยอาจมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ทว่ามันคงไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างดิสเครดิตกัน เพราะหมายรวมถึงชื่อเสียงประเทศไทย ที่สำคัญทุกวันนี้แฟนกีฬาหรือสื่อมวลชนก็ยังไม่มีใครรับทราบหรือได้ข้อมูลอะไรจากนายกลอนฯ คนใหม่ว่าตัวเองมีนโยบายบริหาร หรือจะพัฒนาอะไรบ้าง ไม่มีเลยจริงๆ
ใจจริงไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบกับสมาคมกีฬาอื่น แต่อดที่จะนึกถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มีการเลือกตั้งแล้วเปลี่ยนขั้วบริหาร เขาก็ไม่เห็นจะแคร์ที่ทำการสมาคมเก่า เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้นำใหม่ยกขบวนไปเปิดโรงแรมทำงานสบายใจเฉิบ (ก่อนได้รับส่งมอบงานและกุญแจสมาคมในภายหลัง) ถึงตอนนี้ สมบัติ เอื้อมมงคล ก็น่าจะเลียนแบบดูบ้าง ไม่เช่นนั้นมัวแต่รอจะเข้าที่ทำการสมาคมซึ่งเขาปิดประตูล็อคกุญแจแน่นหนาแล้ว ก็ไม่ต้องทำงานกันพอดี